Maserati เปิดตัว Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ในราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท! เตรียมเผยโฉมต่อที่งาน Motor Show 2024
Maserati (มาเซราติ ประเทศไทย) เปิดตัว Maserati GranTurismo (มาเซราติ กรันทูริสโม) โฉมใหม่ อย่างเป็นทางการ นับเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ ที่เริ่มขึ้นจาก Maserati A6 1500 เมื่อ 77 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นยนตรกรรมสไตล์ GT ที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับทางไกล พร้อมเปิดรับจองทั้ง 3 รุ่นย่อย คือ Modena (โมเดนา), Trofeo (โทรเฟโอ) และสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น Folgore (โฟลกอเร) ที่แปลว่าสายฟ้าในภาษาอิตาเลียน ภายใต้ Concept "The Others Just Travel" ที่มอบประสบการณ์พิเศษ มากกว่าคำว่าการเดินทาง
ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า “มาเซราติ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ผ่านยนตรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานความตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง Formula E (ฟอร์มูล่า อี) และวันนี้นับเป็นโอกาสดี ที่ลูกค้าในไทยจะได้สัมผัสกับ Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์ และขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน กับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 77 ปี พร้อมเชื่อมั่นว่ายนตรกรรมรุ่นนี้ จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า มาเซราติ อย่างแน่นอนครับ”
งานดีไซน์ของ กรันทูริสโม นำเสนอความสง่างามและสมรรถนะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และสามารถจดจำได้ในทันที เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ผสานประสิทธิภาพ การขับเคลื่อนที่ดีสุดในเซกเมนต์ สะท้อนตัวตนและความพิถีพิถันในการออกแบบ ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยฝากระโปรงหน้าทรงยาวและตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 พร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสา C ที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่
ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), Infotainment ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ Comfort Display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์, นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Digital Smart Clock) และ Head-Up Display (เป็นออปชั่น)
นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ "All-Round Sound Experience" การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออปชั่นพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี "Sonus Faber" ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่งให้เลือก
ขุมพลังเบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร Twin Turbo Nettuno บล็อกเดียวกับที่ใช้ในซูเปอร์คาร์รุ่น MC20 ติดตั้งในสองรุ่นย่อย คือ Modena ทำได้ 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตัน-เมตร และ Trofeo ที่อัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้า (HP) แรงบิด 650 นิวตัน-เมตร
ส่วน GranTurismo Folgore ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ 402 แรงม้า (HP) จำนวน 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) ผสานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ความจุ 92.5 kWh เทคโนโลยีของรถแข่ง Formula E (ฟอร์มูลา อี) ติดตั้งแบตเตอรี่ไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ (T-Bone) แทนที่การติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อสมดุลและจุดศูนย์ถ่วงของรถ ทำได้ 761 แรงม้า (HP) แรงบิด 1,350 นิวตัน-เมตร
กับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดตามลำดับ คือ รุ่น โมเดนา 3.9 วินาที 302 กม./ชม., รุ่น โทรเฟโอ 3.5 วินาที 320 กม./ชม. และรุ่น โฟลกอเร 2.7 วินาที 325 กม./ชม. Maserati GranTurismo รุ่น โมเดนา มาพร้อม 3 โหมดการขับ คือ GT, Comfort และ Sport ขณะที่รุ่น โทรเฟโอ เพิ่มโหมด Corsa ส่วนรุ่น โฟลกอเร มี 4 โหมด คือ GT, Max Range, Sport และ Corsa
สถาปัตยกรรมเชิงเทคนิคของรถรุ่นใหม่นี้ คือ ผลลัพธ์ของนวัตกรรมในการนำวัสดุที่เบาที่สุดมาใช้เช่น การใช้อะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูง เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุที่เบาและมีประสิทธิภาพชั้นเลิศ นอกจากนั้นยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High อันล้ำสมัย ภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสุดถึง 0.002 วินาที
มาพร้อมระบบ Cyber-Security ระดับ 5 และฟีเจอร์ Flash-Over-The-Air และศูนย์กลางในการควบคุมระบบ Vehicle Domain Control Module (VDCM) ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับ ในการควบคุมระบบที่สำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360 องศา
ความฉับไวแบบรถสปอร์ต ความหรูหรา และความสะดวกสบาย เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า จากจุดเริ่มต้นของการพัฒนา Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ที่ผ่านการพัฒนาจาก Maserati Innovation Lab และผลิตที่โรงงาน มิราฟิออรี เมืองตูริน ประเทศอิตาลี สะท้อน "ความหรูหราและสมรรถนะแบบอิตาเลียน" เป็นแนวคิดที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ มาเซราติ ทุกรุ่น
พร้อมแสดงให้เห็นว่า มาเซราติ สามารถลบล้างสมการที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ โดยผสมผสานสมรรถนะแบบรถสปอร์ต กับความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับการขับทางไกล รวมถึงเครื่องยนต์สันดาปภายในอันทรงพลัง กับสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% เปรียบเสมือนมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์ในเซกเมนต์
- Maserati GranTurismo Flogore ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท
- Maserati GranTurismo Modena ราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท
- Maserati GranTurismo Trofeo ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท
*ราคารวม Warranty 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
*Battery Warranty นาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร