ติดต่อโฆษณา ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเชิญทดสอบรถ ติดต่อ Car4YouMag

Car4YouMag

Messe Dusseldorf จับมือ สถาบันเหล็กฯ และ สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ตอกย้ำความพร้อมจัดงาน wire & Tube Southeast Asia 2023 - GIFA & METEC Southeast Asia 2023


 

Messe Dusseldorf Asia (เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย) เผยความพร้อมจัดงาน “wire & Tube Southeast Asia 2023 - GIFA & METEC Southeast Asia 2023” งานมหกรรมด้านอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สายไฟ เส้นลวด สายเคเบิล ท่อและท่อร้อยสาย ที่จะส่งเสริมและผลักดันภาคธุรกิจให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง

ล่าสุด ร่วมกับสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และ สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการเพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขันตลอดจนแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆ ของไทย รับการฟื้นตัวของภาคการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงผลักดันไทยสู่การเป็นฮับลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcHB1UCIL_O1M3BK4FmlOnX5wG2Owl1OrRQP-MKGkMaBJB5WZmdGX3UwhV3ZvVkTQ-ltVXyJpI-4FGMuuudMFkVmL-pwBW7pqBrPpOLbsRqww2v3Yv6jgMV2Hv5TTCn76oPoDPKCBdDNZbBIXsEB2QNkn9f1-R1P5zudi0Kd-1jIEBK_ppXGjph4VjgO6U/s4176/%E0%B8%A1%E0%B8%A3.%20%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%97%20%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87.jpg

มร.เกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย กล่าวว่า “สถานการณ์การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว รวมถึงการสานต่อโครงการก่อสร้างที่ล่าช้าไปในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้คาดการณ์ว่าภาคอุตสาหกรรมที่จะมีการเติบโตในปีนี้ ได้แก่การก่อสร้าง งานวิศวกรรมโยธา การผลิตพลังงาน การขนส่ง รวมถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์เหล็กและโลหะ ซึ่งมีเหล็กโครงสร้างเป็นองค์ประกอบสำคัญ ส่งผลให้ความต้องการเทคโนโลยีโลหะวิทยาและการหล่อโลหะมีความต้องการสูงเป็นพิเศษในภูมิภาคดังกล่าว”

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbTOGLJEGAlyrCnBLl4XF3aFIEsZBOcVm_kbKpEH0tODrHjxE2FSphyjWe2zKG30bCC1iYzpkCe1Si5_8-zIDtrz_bpy1X4bvl8YT9wi9VSBxYmk5w2anuaLMUNBs1CLnB7dERdyB3zQsdlHEiJq8O5rI_tU6Y8-e5k5-z8y8H9s9efxkM6ENoI3_FOsfP/s4109/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87.jpg

นอกจากนี้ การที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ได้ยกให้การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ งานปรับปรุงทางด่วนแห่งชาติ ทางหลวง สนามบิน โครงการระบบขนส่งมวลชน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง ตลอดจนงานสาธารณสุขและเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูล ขึ้นเป็นวาระสำคัญของการประชุมระดับชาติ จะส่งผลให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการคาดการณ์ถึงการขยายตัวของตลาดสายไฟและสายเคเบิลในระดับภูมิภาคอีกด้วย

ขณะเดียวกัน เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตที่รวดเร็วและความต้องการพลังงานที่สูงขึ้น หลายประเทศภายในภูมิภาคจึงมีการปรับลดแหล่งพลังงานที่ไม่หมุนเวียนและเพิ่มการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมถึงโอกาสการจ้างงานใหม่ ๆ ตลอดจนส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านภูมิภาคสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjU3P699K5xUA3K7BoWwroqJndaARUaz1Tu2Z5fQZRLPoFQawSe2TJ246nBRKp7o5elSHhSzXrKItShbFW3PAUpg5t-6js3pNDVx9h_rSDYgqDEGUrG-B6yh5rgpEwgUO4SJDd3SV7tnOX-EEokw_mxrrcJqsLpvsOZwDJ2rOlbCo29WK0Y13Mc2P6sd7Rj/s4176/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C%20%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AF.jpg 

ขณะที่ นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศไทยบริโภคเหล็กเฉลี่ยปีละ 18 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าราวปีละ 450,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาล การสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กจึงถือเป็นนโยบายสำคัญ นอกจากนี้ เหล็กยังเป็นวัสดุสำคัญที่นำมาผลิตสินค้าต่างๆ ในวงการอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง ซึ่งในทศวรรษหน้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงแนวโน้มที่ดี อันเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและสาธารณูปโภค”

สืบเนื่องจากเทรนด์การดำเนินอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมล่าสุด การผลิตและบริโภคเหล็กจึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก เพราะนอกจากจะช่วยลดแรงงานและระยะเวลาในการก่อสร้างแล้ว เหล็กยังเป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้ 100% สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยโรงงานผลิตเหล็ก ท่อ และลวด เริ่มปรับปรุงให้มีการประหยัดพลังงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกมากยิ่งขึ้น 

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQZfVmypCMMYR-w3GPRrtrAZr0CkXjLpc5bm0STl3IFcaHAix9UWJX19WEsdZliyD6W9IpPpo2GedENXEsrZM3KSksfrZeMjO7lXXRupt5l4SOve5_lMIX6mbj_6mwmdHquFpiKW6WLewp0vBzIYHN0XMcfWPvsok2J5nd4Fbba2-lAH1ecITd48MIAADn/s5314/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8702.jpg

ในขณะเดียวกันผู้บริโภคเริ่มยอมรับการใช้เหล็กหรือวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ในการก่อสร้างและผลิตสินค้าต่างๆ ส่งผลให้ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในตลาดโลกล้วนมีนโยบายในการคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งไทยนับว่ามีการปล่อยคาร์บอนในการผลิตเหล็กต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก เนื่องจากเหล็กส่วนใหญ่ผลิตจากกระบวนการรีไซเคิลและเทคโนโลยีควบคุมกระบวนการผลิตที่ช่วยให้กระบวนการผลิตสะอาด ลดการใช้พลังงาน และทำให้สินค้าเหล็กที่ผลิตขึ้นมาในปัจจุบันเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและเป็นที่น่าเชื่อถือต่อผู้บริโภค

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-yR_nj8x6ZVWMuuH35lKa8WbY8_2R9-w49nDEVLpg3aEkXAk-ldj8AJ7cnUZ3eEHmZK9E9sTdaAn-fRT7k6Bs7z0mCnCIjD1JTUHR6jL8MaoOpgqiWRs-3o-gW01NaKUohdS5C_AG7vpvG702V1nE64_TdsFOd7gVo06FPZnGP9ZV57lGIFJyHsXzAERY/s1678/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD.jpg

“อีกทั้งผู้ผลิตเหล็กและสินค้าเหล็กมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่นเหล็กที่มีความแข็งแรงมากขึ้นในขณะที่มีน้ำหนักเบาลง เมื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าก็จะมีสินค้าที่แข็งแรงทนทานและน้ำหนักเบา เมื่อผลิตเป็นรถยนต์ก็ได้รถที่มีความแข็งแรงแต่น้ำหนักเบาช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและพลังงาน เป็นต้น ดังนั้นการติดตามเทคโนโลยีทางด้านวัสดุศาสตร์นี้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายและเป็นโอกาสในทางธุรกิจในอนาคต” นายวิโรจน์ กล่าว

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikGIXfz_G-rgxnNkg7yEnjUxtzWOgZbrykAJKVafQslQT6Kh6LJwzqWZVaxbipRUVaObgdM-0m9pbyZrYzesgsQJ_9AiuUqm7WHC9UJ6uEZB54zYMBXRE_zXXufILZy4QANI8QiJY35nD3PM80reAHEJgGWrBXqFCLXSdvtE5CBAuK4nw98B-pvzxkeEoJ/s4176/%E0%B8%A8.%E0%B8%94%E0%B8%A3.%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%20%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A8.jpg

ด้าน ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวถึงอุตสาหกรรมการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยปีนี้เผชิญความท้าทายหลายประการ อาทิ ปัญหาราคาน้ำมันและวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาปูนซีเมนต์และเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก ส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ รวมถึงปัญหาขาดแคลนแรงงานหลังโควิด-19 อันเป็นอุปสรรคให้โครงการก่อสร้างมีความล่าช้า 

แต่ในขณะเดียวกัน จากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมในภูมิภาค ASEAN ยังคงสามารถผลักดันให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมและการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในไทยเติบโตตามไปด้วย 

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgYfA0QrhCYo7XOQN4z0G8Kp7bOq96WtpJq8eLqisiGrvHE-7eBwnR1gsSQmbQ9kmkD4NbCmmz9PPbIYDQKUJIoAAzxynF-IK3CENTr8eCQoRDrCCXgYLmsBpGkl-h6bl0RN63ybmbVwp1mlmhCBbPVl6FkXjYUN9OoJY29675KONxOqB6lypM9g_-MEvtu/s5472/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%9904.JPG

พร้อมกันนี้ อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวยังได้ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เอกชนมีการฟื้นตัว สะท้อนจากการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบและโครงการที่อยู่อาศัยในแนวสูง รวมถึงพื้นที่ค้าปลีก ศูนย์การค้า และโรงแรมในเมืองท่องเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบกลุ่มสถานที่ อาคารสำนักงาน ระบบสุขาภิบาล การปรับปรุงทางด่วนแห่งชาติ ทางหลวง สนามบิน โครงการขนส่งมวลชน ไปจนถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ ที่ภาครัฐเตรียมลงทุนในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZvMrSPpAZEUzPuHW4dnp7kWy6Rmk6pLpU7Z5QDR_3qqAHlWIecPFXQmd0_lyL1ZXO8GqoABi8-XZ1Rt3AnY05V-6ia82GabtG8irmC0EW4OUIuUWIK6tVNIfwb3zSXiBarT2jMEdjyh3_YfdsBZk6X52mlmNp8kzj3SVgfm6p89WgmKfVpY472-8UCXW3/s5900/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.jpg

โดยจากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าว ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้เห็นแผนการผลักดันและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะได้เห็นแนวโน้มดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ดี โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มีความเสี่ยงและอันตรายในทุกขั้นตอน การทำงานจึงต้องยึดความปลอดภัยของสาธารณะเป็นสำคัญ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้แก่โครงการที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ดังนั้น ภาครัฐจึงควรร่วมมือกับภาควิชาชีพ เพื่อสร้างกลไกการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอย่างจริงจังและเคร่งครัด เช่น การจัดให้มีคณะผู้ตรวจอิสระ ที่มีความรู้และอำนาจในการเข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน และต้องบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มงวด

“ด้วยความสำคัญของมาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน เทคโนโลยีทางวิศวกรรมจึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ทั้งในเชิงการวางแผนการก่อสร้างเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นขณะปฏิบัติงาน อีกทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เช่น ต้นทุน เวลา การลดภาระงาน รวมถึงสามารถควบคุมมาตรฐานการก่อสร้างประสิทธิภาพสูงได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย” ศ.ดร.อมร กล่าวสรุป

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhiP09R4hYcJBuAgi7J5PsZ9ph4qJPIZZP9T6pgjEVXdfiC3fZrm1Y8_-T9NZaksdevcsxmEd2MdFpxOZMbdebpcyiya7YEDadF1NB3PGoRYxirZSP20ElhUffRt1CJ583kuHD_1UgDBb2BEPLCcS2iAnA9eJZ4lF5PmHT4Yi9O4xpv_E33rgtWCyCkdrsq/s5472/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%9901.JPG

“จากปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ จึงเป็นโอกาสอันดีที่หน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโดยเฉพาะในประเทศไทย จะได้ร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งการดำเนินงานในภาคอุตสาหกรรม และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว เมสเซ่ ดุสเซดอล์ฟ เอเชีย เตรียมจัดงาน “wire & Tube Southeast Asia 2023 - GIFA & METEC Southeast Asia 2023” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20 - 22 กันยายน 2566 นี้ ณ ไบเทคบางนา

ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มด้านอุตสาหกรรม สินค้า และนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวม 4 มหกรรมด้านอุตสาหกรรมสุดยิ่งใหญ่ไว้ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นการรวมตัวผู้ผลิตซัพพลายเออร์ รวมถึงผู้ให้บริการโซลูชันที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม อาทิ สายไฟ เส้นลวด สายเคเบิล ท่อและท่อร้อยสาย ฯลฯ เข้าร่วมมากกว่า 400 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรีย จีน เยอรมัน อิตาลี ไต้หวัน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา 

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_AhEZlnoO8zn0rbMDP7Tqax60d07m4nkyBClRmxsNRlh_I_ljKBeBIh9RRqPJiPxRGOAWOPRT7RkoGVyxd6IkCDO3q3ov8WvwMHqeetCKowEIoqsUa3G_lzWxCe3bWaRwyCu0WUtxBBMYrColI9LYmJk3SLPaLlL_hgune1E2DllXBWO697wyI8UHtqv7/s1200/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%9902.jpg

เตรียมพบกับกิจกรรมหลากหลายรายการ ทั้งการจับคู่ทางธุรกิจ รวมถึงการประชุมและสัมมนาเชิงวิชาการที่น่าสนใจโดยผู้เชี่ยวชาญ ตอบโจทย์ความต้องการครอบคลุมทั้งธุรกิจก่อสร้าง ยานยนต์ พลังงาน ก๊าซ ไปจนถึงโรงงานผลิต-ขึ้นรูปโลหะ และเหล็กกล้า ที่จะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานใน ASEAN ให้สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดรับการขยายตัวของภาคธุรกิจที่จะเกิดขึ้นตลอดจนกระตุ้นการตัดสินใจลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อันเป็นฟันเฟืองสำคัญของการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจในอนาคต” มร.เกอร์นอท กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อลงทะเบียนเพื่อเยี่ยมชมงาน สามารถติดตามรายละเอียดได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.wire-southeastasia.com www.tube-southeastasia.com www.metec-southeastasia.com และ www.gifa-southeastasia.com หรือ โทร 02-559-0856

ขับเคลื่อนโดย Blogger.