ติดต่อโฆษณา ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเชิญทดสอบรถ ติดต่อ Car4YouMag

Car4YouMag

Informa Markets ขับเคลื่อนงานใหญ่ "Fi Asia 2023" ดันวัตถุดิบท้องถิ่นสู่ Mass Ingredients ระดับโลก 20-22 กันยายนนี้ฯ ที่ศูนย์สิริกิติ์


 

Informa Markets (อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย) เตรียมขับเคลื่อนงานใหญ่ “Fi Asia 2023” (Food Ingredients Asia 2023: ฟู้ด อินกรีเดียนท์ส เอเชีย 2023) กระหึ่มวงการส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มเอเชีย พร้อมดันวัตถุดิบท้องถิ่น เพิ่มมูลค่า สู่แมสอินกรีเดียนท์ระดับโลก พร้อมเชิญเหล่ากูรูภาครัฐ เอกชน ตอกย้ำความมั่นใจ พบกันวันที่ 20 - 22 กันยายน 2566 เต็มพื้นที่ฮอลล์ 1 – 4 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

https://chillandfin.files.wordpress.com/2023/08/akka8326.jpg?w=1400&h=

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจไมซ์ (MICE) ในบทบาทของการเป็น Exhibition Organizer แล้ว ยังมีความตั้งใจที่จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญต่อการผลักดันวงการอุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะ Future Food ให้เกิดการพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น และมุ่งมั่นกับการเป็นศูนย์กลางของอาหาร โภชนาการต่างๆ รวมถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้เข้าถึงอย่างครบถ้วน ในงาน Fi Asia 2023 

https://chillandfin.files.wordpress.com/2023/08/akka8260.jpg?w=1400&h=

ในปีนี้ เรามีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ Fi Asia ให้ทันสมัยมากขึ้น พร้อมแสดงจุดยืนในการเป็น The Taste Maker ศูนย์รวมของวัตถุดิบจากทั่วทุกมุมโลก เผยให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่จะเป็นฮับของการส่งออกวัตถุดิบอาหารในอนาคต

https://chillandfin.files.wordpress.com/2023/08/akka7961.jpg?w=1400&h=

นางสาวรุ้งเพชร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมด้านการเกษตรชั้นนำของโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมส่วนผสมอาหาร ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนทั่วโลก และได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลอีกด้วย ฉะนั้นเพื่อเป็นการเป็นการสนับสนุนและผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยก้าวขึ้นไปอีกระดับ Fi Asia จึงเปรียบเสมือนเป็นเวที หรือแพลตฟอร์มในการนำส่วนผสมอาหารจากเกษตรกรรมของไทยมาปรับใช้ พัฒนา ผ่านองค์ความรู้และนวัตกรรม พร้อมทั้งเกิดการแลกเปลี่ยนแนวคิดจากผู้คนจากหลากหลายประเทศ จากทั่วทุกทุมโลก ลดการนำเข้าอาหาร พร้อมตอกย้ำการเป็นผู้ผลิตหลักในอุตสาหกรรมอาหารของโลกอย่างแท้จริง

การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากเป็นการส่งเสริมกลุ่ม SMEs และ Start Up แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ได้มามองหาส่วนผสมอาหาร และสร้างประสบการณ์จากการเข้าร่วมงานที่มีผู้ผลิตส่วนผสมอาหารจากทั่วโลก พร้อมทั้งจับนวัตกรรมตามเทรนด์ เพื่อพาสินค้าของพวกเขาให้เข้าถึงผู้บริโภค อีกด้วย

https://chillandfin.files.wordpress.com/2023/08/1o4a5153.jpg?w=1400&h=

ภายในงานแถลงข่าว ยังมีเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและทิศทางของวัตถุดิบอาหารของไทย และเทรนด์อาหารแห่งอนาคต” โดยได้รับเกียรติจากเหล่ากูรูทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วม อาทิ ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), ดร. วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย, ดร. วีรวัฒน์ เลิศวนวัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด, คุณเข็มอัปสร สิริสุขะ ผู้บริหารแบรนด์ SiriThai (สิริไท)

 https://chillandfin.files.wordpress.com/2023/08/akka8118.jpg?w=1400&h=

ด้าน ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย และนายกสมาคมหอการค้าอาหารอนาคตไทย ได้กล่าวถึงทิศทางและเป้าหมายของอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยนั้นส่งออกอาหารมาเป็นอันดับที่ 13 ของโลก มีการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่สินค้าที่ไทยส่งออกได้แก่ ข้าว, มันสำปะหลัง, น้ำตาล,ไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป, อาหารทะเล และอาหารกระป๋อง  ซึ่งภาพรวมมูลค่าการส่งออกในแต่ละปีก็มีแนวโน้มว่าจะเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารแห่งอนาคตที่ทั่วโลกยังคงให้ความสนใจ รวมถึงในไทยก็เริ่มมีการตื่นตัว ทั้งในกลุ่มผู้ผลิตและผู้บริโภค 

https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/fgFx4aaPQDjzgGx1QuEf.jpg

ซึ่งทิศทางในวันนี้จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิต และลดต้นทุนเพื่อแข่งขันกับต่างชาติให้ได้ ดังนั้นจึงได้มีการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สามารถสู้กับเจ้าใหญ่ได้ด้วยการทำตลาดที่แตกต่าง ผลิตสินค้าไม่เยอะ แต่ต้องไม่เหมือนรายใหญ่ทำ เพื่อให้ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะในปัจจุบันนี้ตลาดการส่งออก Future Food หรืออาหารแห่งอนาคตนั้นยังมีโอกาสอีกมากทั้งในอาเซียน สหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน

ซึ่งจะต้องทำให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สิ่งแวดล้อม หรือ Climate Change, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี, ความผันผวนทางการค้า, โครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงเรื่องเทรนด์ผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดการปรับตัวอย่างยั่งยืน และตอบโจทย์เทรนด์อาหารโลกในวันนี้

https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/fQuqrgNLfaUEe8KqUNpQ.jpg 

ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบไทย เราต้องมองเป็นจากวัตถุดิบสู่ Food Ingredient หรือ Functional Ingredient ที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกวัตถุดิบ มากมายไปยังตลาดโลก แต่ไทยยังต้องนำเข้า Food Ingredient เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของการค้าอาหาร ทั้งหมดของไทยมีการนำเข้ามากกว่า ร้อยละ 24 แต่หากเรามีการพัฒนา การปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้เป็นส่วนผสมอาหารที่มีมูลค่าสูงกว่า นอกจากจะลดการนำเข้าแล้ว ไทยยังจะมีอุตสาหกรรมใหม่ ที่เป็นส่วนสำคัญของการผลิตอาหารทั่วโลกเพิ่มขึ้นในประเทศด้วย

https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/BSWvMvmDTfgE1J4Zh5kx.jpg

ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวเพิ่มเติมในส่วนการ Scale Up Plant หรือการเพิ่มกำลังการผลิตให้กับกลุ่มสตาร์ทอัพไว้ด้วยว่า ในส่วนของการขยายขนาดการผลิตจากห้องทดลองสู่ระดับการผลิตจริง หรือ Scale Up น้ัน วว. ตระหนักถึง ความสําคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME วว.ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลใน การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมให้บริการแก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านอาหาร อาทิ โรงงานบริการนวัตกรรมอาหาร (Food Innovation Service Plant : FISP), โรงงานนําทางสายการผลิตอาหารแห้ง, ศูนย์นวัตกรรมหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม และ Co-Working Food Space

https://chillandfin.files.wordpress.com/2023/08/1o4a5090.jpg?w=1400&h=

ดร. วีรวัฒน์ เลิศวนวัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงเทรนด์อาหารแห่งอนาคตในระยะยาวไว้น่าสนใจว่า โปรตีน ถือเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร่างกายของคนทุกเพศทุกวัย และสำหรับเทรนด์ของโปรตีนในระยะยาว คาดว่าจะขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลายประการ เช่น จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคตะหนักถึงการทานอาหารเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันปัญหาภาวะโลกร้อนและเขตเมืองที่ขยายมากขึ้นส่งผลต่อพื้นที่ภาคการเกษตรลดลง ทำให้มีการมองหา Protein ทางเลือก เช่น Plant Protein เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้ดังกล่าว โดยผู้บริโภคยังคงได้รับสารอาหารจากโปรตีนที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน

พบกับ “Fi Asia 2023” (Food Ingredients Asia 2023: ฟู้ด อินกรีเดียนท์ เอเชีย 2023) วันที่ 20 - 22 กันยายน 2566 ฮอลล์ 1 - 4 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมชมภายในงานฟรี ที่ https://fia.imasia-passport.com พบกับโซนที่น่าสนใจ อาทิ The Sensory Box, Start-up innovative F&B products competition, Innovation Zone, Innovation Tours, International Conferences, Technical Semina ฯลฯ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.