ติดต่อโฆษณา ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเชิญทดสอบรถ ติดต่อ Car4YouMag

Car4YouMag

กองทัพอากาศ สั่งซื้อเครื่องบิน Airbus A330 MRTT+ รุ่นใหม่ล่าสุด


 

กองทัพอากาศไทย (Royal Thai Air Force: RTAF) ได้สั่งซื้อ A330 Multi Role Tanker Transport Plus: MRTT+ (แอร์บัส เอ330 มัลติโรล แทงเกอร์ ทรานสปอร์ต พลัส) รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานของ A330neo (เอ330นีโอ) และต่อยอดจาก A330 MRTT (เอ330 เอ็มอาร์ทีที) ที่พิสูจน์สมรรถนะแล้วในการปฏิบัติภารกิจจริง เครื่องบินรุ่น MRTT+ จะติดตั้งระบบเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศทั้งแบบสายยืดและกรวย (Hose-And-Drogue) และแบบท่อแข็ง (Boom) พร้อมชุดอุปกรณ์สำหรับภารกิจลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศของแอร์บัส (MEDEVAC kit) และห้องโดยสารแบบ VVIP

เครื่องบินลำนี้มีกำหนดเข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องบินทางทหารที่ศูนย์ A330 MRTT เมืองเกตาเฟ ประเทศสเปน ในปี 2569 และมีกำหนดส่งมอบให้กองทัพอากาศไทยในปี 2572

Jean-Brice Dumont (ฌ็อง-บริส ดูมงต์) หัวหน้าฝ่ายศักยภาพทางอากาศ (Head of Air Power) ของแอร์บัส ดีเฟนซ์ แอนด์ สเปซ กล่าวว่า “การที่ประเทศไทยเลือกใช้ A330 MRTT+ เป็นการยืนยันถึงความไว้วางใจที่มีต่อแพลตฟอร์มนี้ พร้อมก้าวสู่ขั้นต่อไปของประสิทธิภาพ สมรรถนะ และความยั่งยืน A330 MRTT+ จะเป็นกำลังหลักสำคัญของกองทัพอากาศไทย โดยต่อยอดจากความสำเร็จของ A330 MRTT ที่ให้บริการกับ 9 ประเทศทั่วโลก สะสมชั่วโมงบินแล้วมากกว่า 340,000 ชั่วโมง”

การเสริมกำลังฝูงบินครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพการป้องกันประเทศของไทย เพิ่มความพร้อมในการตอบสนองต่อวิกฤตต่าง ๆ และสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของชาติ ความสามารถล้ำสมัยของ A330 MRTT+ จะสนับสนุนทั้งภารกิจรักษาอธิปไตย การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและภัยพิบัติ (Humanitarian Assistance and Disaster Relief: HADR) ตลอดจนภารกิจอพยพผู้ป่วยทางการแพทย์ (MEDEVAC)

https://www.acnews.net/userfiles/Royal%20Thai%20Air%20Force%20orders%20next%20generation%20Airbus%20A330%20MRTT+_DS-PHO-0018_20250925_MRTT+_RTAF_Signature.jpg

A330 MRTT+ เปิดตัวครั้งแรกที่งานฟาร์นโบโร่ แอร์โชว์ 2024 (Farnborough Airshow 2024) โดยนำเทคโนโลยีจากเครื่องบินโดยสารเอ330-800 (A330-800) มาปรับใช้ เช่น เครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent 7000 (โรลส์-รอยซ์ เทรนท์ 7000) การปรับปรุงรูปทรงอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) และปลายปีก (Wing-Tips) รุ่นล่าสุด ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันได้สูงสุด 8% พร้อมลดระดับเสียง อีกทั้งยังเพิ่มน้ำหนักขึ้นบินสูงสุด (MTOW) เป็น 242 ตัน (จากเดิม 233 ตัน) ทำให้พิสัยบินไกลขึ้น บรรทุกเชื้อเพลิงได้มากขึ้น และเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ

ด้วยความเหมือนกันของโครงสร้างเครื่องบินกับ A330 MRTT รุ่นปัจจุบันมากถึง 95% ทำให้ A330 MRTT+ สามารถใช้กระบวนการฝึกและเข้าถึงเครือข่ายซ่อมบำรุงระดับโลกร่วมกับฝูงบินเดิมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เครื่องบิน A330 MRTT ได้รับการรับรองให้สามารถเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศให้กับอากาศยานได้มากกว่า 25 แบบ ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดนอกสหรัฐฯ มากกว่า 90% และมีลูกค้าสำคัญ อาทิ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส กองกำลังร่วมหลายชาติของนาโต (NATO Multinational MRTT Fleet: MMF) ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สเปน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร รวมแล้วมีคำสั่งซื้อทั้งสิ้นกว่า 85 ลำ จาก 11 ประเทศ

ในขณะเดียวกัน แอร์บัสยังได้เสริมความร่วมมือกับบริษัท อุตสาหกรรมการบินไทย จำกัด (TAI) โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ฉบับเพิ่มเติมจากฉบับเดิม เพื่อครอบคลุมการให้บริการซ่อมบำรุง A330 MRTT+ ภายในประเทศ การขยายความร่วมมือนี้ต่อยอดจากความร่วมมือเดิมในการสนับสนุนการบำรุงรักษาเครื่องบินลำเลียง ซี295 (C295) ของกองทัพอากาศไทย

การลงนาม MoU ฉบับเพิ่มเติมจากฉบับเดิมนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญในยุทธศาสตร์ระยะยาวของแอร์บัสที่สอดคล้องกับนโยบาย “Make in Thailand” ของไทย ด้วยการขยายขอบเขตงานของ TAI ให้ครอบคลุมการบำรุงรักษาและการสนับสนุน A330 MRTT+ ภายในประเทศ แอร์บัสจะช่วยสนับสนุนกองทัพไทยให้มีความพึ่งพาตนเองด้านปฏิบัติการสำคัญ พร้อมกับส่งเสริมการสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมการบินและระบบนิเวศด้านกลาโหมของประเทศ

นายฌ็อง-บริส ดูมงต์ (Jean-Brice Dumont) กล่าวเสริมว่า “ผ่านความร่วมมือกับ TAI แอร์บัสมุ่งมั่นถ่ายทอดทักษะ ความรู้ และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านอวกาศและการบินของประเทศไทย การลงนาม MoU ฉบับขยายขอบเขตของความร่วมมือนี้ยังทำให้ A330 MRTT+ ของกองทัพอากาศไทยได้รับการบำรุงรักษาในประเทศ พร้อมตอกย้ำบทบาทของแอร์บัสในการสนับสนุนระบบกลาโหมและอุตสาหกรรมการบินไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

26/9/2025

ขับเคลื่อนโดย Blogger.