ติดต่อโฆษณา ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเชิญทดสอบรถ ติดต่อ Car4YouMag

Car4YouMag

ต้องรู้! มะเร็งปอดกับผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่


 

หลายๆ คน มักจะสงสัยว่าผู้หญิงที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย กลับพบเจอหรือป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด ซึ่งจากสถิติเกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งปอดจากสมาคมปอดนานาชาติ (The International Association for the Study of Lung Cancer) พบว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ได้รับการวินิจฉัยในแต่ละปีลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของจำนวนผู้สูบบุหรี่ แต่ในทางกลับกัน มีรายงานการศึกษาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับอัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้หญิง โดยผลการวิจัยนั้นได้รายงานว่า โรคมะเร็งปอดในผู้หญิงอายุระหว่าง 35 - 54 ปี พบได้บ่อยกว่าในกลุ่มผู้ชายที่มีอายุเท่ากัน

โดยสาเหตุนั้น เราไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่เรามีทฤษฎีบางอย่างอาจเป็นเพราะผู้หญิงเผาผลาญสารก่อมะเร็งที่พบในควันบุหรี่แตกต่างจากผู้ชายหรืออาจเป็นเพราะผู้หญิงมีความอ่อนไหวต่อการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมบางอย่าง เช่น มลพิษทางอากาศและก๊าซเรดอน ซึ่งเป็นก๊าซกัมมันตรังสีที่พบตามธรรมชาติในบางสภาพแวดล้อม แต่ยังไม่มีการยืนยันความเชื่อมโยงโดยตรง

และยังมีอีกหลายสิ่งอีกมากที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปอดที่เราจำเป็นต้องศึกษา แม้ว่าอัตราการเกิดมะเร็งปอดจะลดลงในทั้งชายและหญิงทุกวัยแล้วก็ตาม แต่ก็ลดลงช้ากว่าในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า นี่คือเหตุผลที่มีจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายได้รับการวินิจฉัยจากลุ่มอายุนี้ ที่มีโอกาสเสี่ยงป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดค่อนข้างมาก

https://assets.roche.com/f/188979/1920x1080/fca51ef0af/info.jpg/m/1024x0/filters:format(webp):quality(90)/

ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติที่เชื่อถือได้ คาดการณ์ว่าในปี 2573 หรือภายใน 6 ปีข้างหน้า จะมีผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่เพศหญิงในประเทศไทยมากกว่า 11,200 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 35% จากจำนวนผู้ป่วยเพศหญิงรายใหม่จำนวน 8,300 คน จากปี 2565 แน่นอนว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งปอดสะท้อนให้เห็นถึงการแพร่กระจายของปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค ไม่เพียงแค่การสูบบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือประสบกับมลพิษทางอากาศ เท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญอีก เช่น การกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคนี้ได้เช่นกัน

ซึ่งจากงานวิจัยจากสมาคมปอดนานาชาติ เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า การกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม อาจเป็นสาเหตุอีกประเด็นของโรคมะเร็งปอด ตัวอย่าง เช่น การกลายพันธุ์ในยีน EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor) ที่เป็นที่แพร่หลายในประชากรในทวีปเอเชียและอาจเป็นสาเหตุการก่อให้เกิดมะเร็งปอดด้วย โดยไม่เกี่ยวโยงกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของผู้ป่วย การวิจัยระบุว่าประมาณ 30-40% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในเอเชียมีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าประชากรชาวตะวันตกอย่างมีนัยสำคัญ 

https://image.posttoday.com/media/content/2021/09/20/3542BD4FA8647D1DC7D1AA04BC4FF498.jpeg?x-image-process=style/lg-webp

ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่พบว่าการเกิดจากยีนกลายพันธุ์ (หรือการเปลี่ยนแปลง) ในยีนที่เรียกว่า EGFR นั้น การกลายพันธุ์นี้มีแนวโน้มที่จะพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่เคยสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยกว่าในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงชาวเอเชีย ผู้ที่เป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ EGFR เหล่านี้ไม่มีลักษณะประชากรศาสตร์ของผู้ป่วยมะเร็งปอด “ทั่วไป” เมื่อจำนวนมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ลดลง สัดส่วนโดยรวมของมะเร็งปอดในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงมะเร็งที่เกิดจาก EGFR และการกลายพันธุ์ของยีนเฉพาะอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นโดยอาการที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งปอดเหมือนกันทั้งชายและหญิง

นอกจากนี้ยังไม่แตกต่างกันไปตามอายุ เชื้อชาติ หรือประวัติการสูบบุหรี่ ซึ่งจะมีอาการไอเรื้อรัง รวมถึงไอเป็นเลือด มีเสียงหวีดหรือหายใจถี่ มีอาการเจ็บหน้าอก เสียงแหบ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ในปัจจุบันปัญหาที่พบคือเมื่อคนที่อายุน้อย ผู้หญิงหรือคนที่ไม่สูบบุหรี่ หากสงสัยว่าป่วยด้วยอาการมะเร็งปอด ควรไปพบแพทย์แต่เนิ่น ๆ แต่โอกาสที่จะเป็นมะเร็งจะเกิดน้อยกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่เป็นชายสูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่

https://www.thinsiam.com/wp-content/uploads/2020/09/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%943-768x432.jpg

ผศ.นพ.ศิระ กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดส่วนใหญ่ ยังคงพบในระยะลุกลามมากกว่าในระยะเริ่มต้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้การรักษาได้ผลได้ไม่ดีมากนัก เนื่องจากตัวโรคนั้น มีการตอบสนองกับยาเคมีบำบัดได้ไม่ดี อย่างไรก็ตามจากการศึกษาล่าสุด จากสมาคมปอดนานาชาติ พบว่าอัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งปอดดีขึ้น สาเหตุนี้เกิดจากความก้าวหน้าในการตรวจหาการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งปอด ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนมากได้รับการรักษาหายหรือมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

โดยเฉพาะมะเร็งระยะที่ 4 จากยารักษาที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น เช่น ยาพุ่งเป้า (Target Therapy) หรือ ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ฉะนั้นการรักษามะเร็งปอดนั้นที่สำคัญที่สุด คือยิ่งเราตรวจพบมะเร็งปอดเร็วเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น และอาการของมะเร็งปอดหลายอย่างเป็นเรื่องปกติ

แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักร่างกายของคุณ หากคุณรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อโอกาสที่จะหายขาดได้มากที่สุด ผู้สนใจสามารถเข้ามาศึกษาเรื่องของมะเร็งปอด โดยปรึกษาเพจเฟซบุ๊ก ผ่าตัดปอด โดย ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ได้ที่ Lineid:@lungsurgeryth หรือเว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.com

ขับเคลื่อนโดย Blogger.