Automobili Pininfarina เปิดตัวดีไซน์รถต้นแบบรุ่นใหม่ Automobili Pininfarina PURA Vision
Automobili Pininfarina (ออโตโมบิลี ปินินฟารินา) นำเสนอยุคใหม่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าผ่านแนวคิดการออกแบบ PURA Vision (พูรา วิชั่น) รูปทรงที่หรูหราและสัดส่วนอันน่าทึ่งของการออกแบบแสดงถึงปรัชญาของบริษัทอย่าง "พูรา" (PURA) พลิกโฉม DNA อันเป็นเอกลักษณ์ในอดีตของ Pininfarina สู่อนาคตในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์ไฟฟ้าสุดหรู (e-LUV)
แนวคิดการออกแบบใหม่นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับรถยนต์หรูหราพลังงานไฟฟ้ารุ่นต่อไปของ Automobili Pininfarina และจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2023 ในงาน Monterey Car Week โดยจะปรากฏพร้อมกับรถยนต์ Battista Edizione Nino Farina hyper GT ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมรถยนต์รุ่นใหม่อีกรุ่นที่สวยงามไม่แพ้กัน
PURA Vision แสดงถึงการตีความที่โดดเด่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับหรู ด้วยสัดส่วนห้องโดยสารด้านหลังที่โดดเด่น เอกลักษณ์แบบไดนามิกพร้อมรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ เรือนกระจกแบบแคบ และประตูสามบานแบบไร้เสาซึ่งมอบการเข้าถึงห้องโดยสารที่ซับซ้อนได้สูงสุด
Paolo Dellachà (เปาโล เดลลาชา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Automobili Pininfarina กล่าวว่า "พูรา วิชั่น เป็นสะพานเชื่อมจากปัจจุบันไปสู่อนาคตใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับออโตโมบิลี ปินินฟารินา เราได้เฉลิมฉลองมรดกอันเป็นเอกลักษณ์ของเราในปีที่ 5 ด้วยการเปิดตัวแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา และพูรา วิชั่น ได้แสดงให้เห็นถึงอนาคตที่น่าตื่นเต้นและผลลัพธ์ของการนำแนวคิดพูรามาใช้ในการออกแบบรถยนต์ประเภทใหม่โดยสิ้นเชิง"
"พูรา วิชั่น เป็นมากกว่าการเปิดตัวดีไซน์รถยนต์รุ่นใหม่ แต่ยังได้นำเสนอปรัชญาการออกแบบที่เฉียบคมและทันสมัยซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกที่ตกทอดมาอย่างยาวนานของปินินฟารินา สร้างต้นแบบสำหรับคอลเลกชันรถยนต์หรูหราที่สวยงาม"
"ผลงานชิ้นแรกในคอลเลกชันใหม่ของเราที่สวยงามและแตกต่างซึ่งได้แรงบันดาลจากพูรา วิชั่น จะถูกนำมาเปิดตัวควบคู่กับแนวคิดการออกแบบที่ยอดเยี่ยม ณ ที่พักอาศัยส่วนบุคคลของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในช่วงสัปดาห์รถยนต์มอนเทอเรย์ (17-20 สิงหาคม) และงานจัดแสดงรถยนต์เดอะ เควล (The Quail – A Motorsports Gathering) (18 สิงหาคม 2566)"
ปรัชญาพูราของออโตโมบิลี ปินินฟารินา
การออกแบบที่เหนือกาลเวลาคือจุดเด่นของ Automobili Pininfarina ตลอด 94 ปีที่ผ่านมาและ PURA Vision ทั้งคลาสสิกและรายละเอียดที่ประณีต ในประติมากรรมที่ไม่เหมือนใครด้วยฝากระโปรงทรงเตี้ย และบังโคลนทรงสูง ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถยนต์รุ่น Cisitalia ที่โด่งดังในปี 1947 และเป็นยานพาหนะคันแรกที่เข้าสู่คอลเลกชันของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MoMA) ในนิวยอร์ก
Dave Amantea (เดฟ อมันที) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า "พูรา วิชั่น รวมไว้ซึ่งแก่นแท้ของยานพาหนะอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอดีตของปินินฟารินา สานต่อสู่อนาคตด้วยลายเส้นที่เฉียบคมและความสวยงามสมัยใหม่ มีความโดดเด่นจากทุกมุมมอง สื่อให้เห็นถึงปรัชญาการออกแบบพูราของเราสำหรับยานพาหนะประเภทใหม่ ดีไซน์ที่น่าทึ่ง การตกแต่งภายในที่ดึงดูดใจ และวัสดุที่คัดสรรมาอย่างดี ทำให้รถคันนี้ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ารู้ได้ทันทีว่าเป็นปินินฟารินา ด้วยตัวถังที่สวยงาม สัดส่วนที่เหนือกาลเวลา และรายละเอียดส่วนล่างที่ประณีต"
การตกแต่งภายนอกที่ไม่ธรรมดา
PURA Vision โดดเด่นด้วยหน้าปัดไฟหน้าแบบซ่อนและเทคโนโลยีไฟส่องสว่าง L.E.S.S. เส้นใยนาโน พร้อมไฟ Daytime Running Light เส้นใยที่มีความหนาน้อยกว่า 1 มม. สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับการออกแบบได้เกือบทุกรูปแบบ
ในขณะที่โครงสร้างน้ำหนักเบา ตัวไฟหน้าประกอบอยู่ส่วนล่างที่ใช้การออกแบบเชิงเทคนิคอเนกประสงค์แบบเต็มความกว้าง ช่วยระบายความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก พร้อมตัวถังสีขาว Bianco Sestriere แบบเงา ตัดกับชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ด้านล่าง และห้องกระจกแคบและหลังคาแบบลอยตัวสีดำเงาด้านบน
ห้องโดยสารหลังของพูรา วิชั่น และระยะยื่นสั้นทำให้มีดูมีเค้าโครงที่ทรงพลัง ในขณะที่ล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้ว ทำให้ดูแข็งแกร่ง บริเวณยางยังมีแถบสีขาว ที่ดูกลมกลืน กับตัวล้อสีดำด้าน
อีกทั้งยังมีหลังคาพาโนรามา ส่วนตรงกลางแบบ 'บิสคอตโต' ยังส่องสว่างด้วยวงแหวนไฟ LED ที่นุ่มนวล เชื่อมต่อกับกระจกบังลมขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าเข้ากับประตูท้ายที่ด้านหลัง โครง 'บิสคอตโต' ตรงกลางยังรองรับหน้าต่างด้านข้างแบบชิ้นเดียวชนิดโค้งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของช่องเปิดประตูห้องโดยสารในแต่ละด้าน ตัวบานพับยังถูกยกขึ้นอย่างมาก รองรับการเปิดแบบไร้เสาและประตูหลังแบบบานพับ ช่วยให้สามารถเข้าถึงห้องโดยสารขนาด 2+2 ที่นั่งได้อย่างไม่จำกัด
ประตูห้องโดยสารยังได้แรงบันดาลใจจากการออกแบบแบบแบบไร้เสาของรถยนต์รุ่น Lancia Florida โดย Battista Farina ในยุค 50 และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ก่อตั้งของปินินฟารินา
ขอบกระจกด้านล่างชุบผิวอะลูมิเนียม ตัวหลังคาทำจากชิ้นส่วนอะลูมิเนียม ประกอบด้วยกล้องมองหลังซึ่งแทนที่กระจกมองข้างแบบเดิมที่ด้านหน้า และรองรับดีไซน์พูรา วิชั่น ที่โดดเด่นด้านหลัง กับด้านท้ายใช้ไฟแบบ LED แนวนอนเพรียวบางเป็นพิเศษ และเรือนกระจกทรงเรียวที่เข้ากันได้ดีกับส่วนโค้งที่คมชัด ตัวรถยกสูงจากซุ้มล้อคล้ายรถสปอร์ต
บริเวณด้านล่างของตัวรถประกอบด้วยกันชนคาร์บอนไฟเบอร์ส่วนหน้า ตัดกับพื้นผิวและรูปทรงประติมากรรมของตัวรถส่วนบน
การเชื่อมต่อและความหรูหราที่ลงตัว
ภายนอกของพูรา วิชั่น ผสานรูปลักษณ์บนท้องถนนของรถ SUV เข้ากับรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งของรถสปอร์ตทรงเตี้ย การตกแต่งภายในที่หรูหรายังเป็นไปตามหลักการเดียวกัน ตำแหน่งการขับขี่นั้นเหมือนกันกับรถสองที่นั่ง เพิ่มเติมด้วยความประทับใจโดยรวมของห้องโดยสารที่นุ่มนวล โปร่งสบาย และเป็นกันเอง ระบบส่งกำลังไฟฟ้าช่วยให้ห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางพร้อมพื้นเรียบที่ทำให้ดูกว้างขึ้น เสริมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา
ทั้งส่วนบน โครงสร้างภายนอกและภายในยังได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากเรือยอร์ชสุดหรู เบาะนั่งด้านหน้าแบบ 'ลอยได้' ของพูรา วิชั่นถูกแขวนไว้เหมือนฟอยล์ของเรือใบ ขณะที่คอนโซลกลางมีลักษณะคล้ายกับใบเรือ บริเวณด้านหลังพวงมาลัยประกอบด้วยแผงแดชบอร์ดขนาดกว้างที่ผสานกับภายนอกอย่างลงตัว มอบมุมมองขยายที่โดดเด่นของฝากระโปรงในห้องโดยสาร
Francesco Cundari (ฟรานเซสโก ชุนดาริ) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบภายในของ ออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า "พูรา วิชั่น นำเสนอการตกแต่งภายในที่หรูหราของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ยุคใหม่ ลูกค้าจะได้รับความสะดวกสบายที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ มาพร้อมทัศนวิสัยที่เหนือกว่าและการเลือกใช้วัสดุที่สวยงาม ผสานรูปลักษณ์รถสปอร์ตเข้ากับพื้นที่และความสะดวกสบายของรถยนต์ระดับหรู"
รถยนต์รุ่นต่อไปของออโตโมบิลี ปินินฟารินา จะมอบความสะดวกสบายที่เชื่อมต่อในทุกๆ การขับขี่ และพูรา วิชั่น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานนี้ ห้องโดยสารเต็มไปด้วยเทคโนโลยีแก่ผู้โดยสารที่ต้องการทุกเวลาผ่านหน้าจอสัมผัสส่วนกลางที่ใช้งานง่าย เครื่องมือวัดแบบดิจิทัลขั้นสูง และจอแสดงผลบนกระจกหน้ารถ ซึ่งทั้งหมดผู้ขับขี่ปรับแต่งได้
ความใส่ใจในรายละเอียดที่เห็นได้ชัดในการออกแบบยังแสดงให้เห็นได้จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง จอแสดงผลส่วนกลางสามารถยกขึ้นจากคอนโซลได้เมื่อจำเป็น และพับเก็บได้ ขณะที่ลำโพงในพนักพิงศีรษะมอบโซนเสียงเฉพาะสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน พื้นที่กระจกขนาดใหญ่รู้สึกเชื่อมต่อกับสิ่งรอบข้าง นอกจากนี้ยังมีตู้แช่ไวน์ในตัวระหว่างที่นั่งด้านหลังคู่
นวัตกรรมที่ยั่งยืน
การประยุกต์ใช้วัสดุที่ซับซ้อน วัสดุแท้ และวัสดุที่เน้นสัมผัสเป็นจุดเด่นของ พูรา วิชั่น ที่สร้างความรู้สึกที่ไม่เหมือนใครในแง่ความหรูหราร่วมสมัย เบาะสีขาวทั้งสี่มาพร้อมแดชบอร์ดหนังชาร์โคลสีขาวและขอบประตูด้านบนที่มอบมุมมอง 360 องศาภายในตัวรถ
หนังกึ่งอะนิลีนเนื้อนุ่มผสมผสานกับผ้าทออันเป็นเอกลักษณ์ตลอดแนวภายในเข้ากันได้ดีกับตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ชุบอะลูมิเนียมแบบเปลือยภายนอก ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ยังใช้เศษอะลูมิเนียมจากล้อของพูรา วิชั่น เพื่อสร้างแผ่นป้องกันแบบสั่งทำพิเศษสำหรับประดับขอบประตู เพิ่มความอลังการเมื่อประตูเลานจ์ ดอร์ (Lounge Door) เปิดออก
ซาร่า แคมปาโญโล (Sara Campagnolo) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบสีและวัสดุของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า "วัสดุเป็นมากกว่าแค่สิ่งคลุมรถ แต่เป็นสิ่งสะท้อนส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของยานพาหนะของเรา เพื่อให้สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบพูรา เราจึงใช้วัสดุจำนวนน้อยที่สุดแต่มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อสร้างผลงานที่ซับซ้อน ไร้กาลเวลา และยั่งยืน"
พื้นผิวผ้าอันเป็นเอกลักษณ์บริเวณคอนโซลกลาง พนักพิงด้านบน และวัสดุบุหลังคาเกิดจากการผสมผสานระหว่างผ้าขนสัตว์นาติวา (Nativa) 30% และโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 70% เกิดเป็นรูปแบบลายก้างปลาผิวสัมผัสนุ่ม มาพร้อมโลโก้ปินินฟารินาที่เชื่อมด้วยไฟฟ้าบนพนักพิงศีรษะ แม้ว่าพูรา วิชั่น จะมีสถานะเป็นเพียงแนวคิดการออกแบบ แต่สิ่งทอที่ใหม่นี้ได้บรรลุมาตรฐานความทนทานของออโตโมบิลี ปินินฟารินาสำหรับยานยนต์ที่ใช้งานจริงอยู่แล้ว
สร้างสรรค์ขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กร
แนวคิดการออกแบบ PURA Vision ได้พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการผลิตของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในอิตาลี เพื่อกำหนดยุคใหม่แห่งความหรูหราด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อถึงกัน ถูกคิดค้น ออกแบบ และพัฒนาในอิตาลี และนำเสนอเทคโนโลยีขั้นสูงพัฒนาขึ้นจากศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลของ ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในเยอรมนี
ปัจจุบัน Automobili Pininfarina มีพนักงาน 116 คนทั่วทั้งไซต์งานในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี และเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ทีมงานประกอบด้วยผู้คนมากกว่า 20 สัญชาติ ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ระดับโลกเพื่อสร้างยุคใหม่ แห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า