Mitsubishi เปิดตัว All-New Mitsubishi Triton ปฏิวัติวงการรถกระบะ จำหน่ายในไทยที่แรกในโลก!
Mitsubishi Motors Corporation (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เปิดตัว All-New Mitsubishi Triton (ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน) หรือ Mitsubishi L200 (มิตซูบิชิ แอล 200) รถกระบะขนาด 1 ตัน ที่สร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันในรอบ 9 ปี ณ งานเวิลด์พรีเมียร์ ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย
พร้อมประกาศราคาและเริ่มจำหน่ายในไทยที่แรกในโลก ก่อนเตรียมเปิดตัวในอาเซียน และโอเชียเนีย โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ช่วงต้นปี 2024
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดตัวรถกระบะเป็นครั้งแรกในปี 2521 โดยในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ได้ผลิตรถกระบะมาแล้วกว่า 5.6 ล้านคัน ครอบคลุมทั้งหมด 5 เจเนอเรชั่น ขายใน 150 ประเทศทั่วโลก จึงทำให้รถกระบะ Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) นับเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัทฯ
โดย All-New Mitsubishi Triton จะเป็นรถกระบะเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ปฏิวัติทุกอณู! พลิกโฉมทุกมิติ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ทั้งการพัฒนาเฟรมหรือโครงรถใหม่ แชสซีส์ใหม่ ช่วงล่างใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “พลังแกร่งคู่ใจสายลุย” (Power for Adventure)
มร. ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “เราพัฒนาออล-นิว ไทรทัน ที่หลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อให้ตอบโจทย์ความเป็นรถระบะสำหรับคนยุคใหม่ โดยในทุกฟีเจอร์หลักของออล-นิว ไทรทัน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีสุดล้ำเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกอบด้วย เฟรม ตัวถัง และแชสซีส์ที่แข็งแกร่งทนทาน เครื่องยนต์ที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดังใจ รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม
ด้วยเป้าหมายการผลิตสูงสุด 200,000 คัน เพื่อจำหน่ายในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน นับเป็นยานยนต์รุ่นสำคัญ เป็นขุมพลังขับเคลื่อน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกรุ่นแรก ซึ่งเปิดตัวในยุคแห่งการเติบโต ขอให้ทุกท่านติดตามทุกย่างก้าวของเราที่มุ่งสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ นับจากวันนี้” มร. คาโตะ กล่าวเสริม
ทางด้าน มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ออล-นิว ไทรทัน ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคันโดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งโครงสร้างเมกาเฟรม ช่วงล่างที่มอบการควบคุมอย่างเหนือชั้น ห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบายสุดพรีเมียม พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ Hyper Power อันทรงพลัง เพื่อช่วยยกระดับชีวิตและธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น”
“ออล-นิว ไทรทัน ได้รับการผลิต และจำหน่ายในไทยเป็นที่แรกในโลก เราหวังว่า ออล-นิว ไทรทัน จะมาปฏิวัติเพื่อเอาชนะความท้าทายของสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ในตลาดเวลานี้ พร้อมกับช่วยยกระดับชีวิตและธุรกิจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดย ออล-นิว ไทรทัน จะประกอบไปด้วยรุ่นย่อยต่างๆ ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มในตลาดรถกระบะ เนื่องจากได้รับการออกแบบและพัฒนาจากการศึกษาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าชาวไทย ทั้งการใช้งานแบบรถส่วนตัว และการใช้งานเชิงพาณิชย์” มร. โคอิโตะ กล่าวเพิ่มเติม
ด้วยเป้าหมายการผลิตสูงสุด 200,000 คัน เพื่อจำหน่ายในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน นับเป็นยานยนต์รุ่นสำคัญ เป็นขุมพลังขับเคลื่อน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกรุ่นแรก มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มในตลาดรถกระบะ ทั้งการใช้งานแบบรถส่วนตัว และการใช้งานเชิงพาณิชย์
ก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้นำเสนอแคมเปญพิเศษ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร !” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN) ก่อนเปิดตัว ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าในไทยด้วยยอดจองกว่า 10,000 คันในเวลาไม่ถึง 2 เดือน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และชื่อเสียงของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
สำหรับในไทย All-New Mitsubishi Triton เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 26 กรกฎาคม 2566 ในรูปแบบเพียง 2 ตัวถัง กับราคาที่สัมผัสได้ ดังนี้:
All-New Mitsubishi Triton Single Cab ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- Mitsubishi Triton Single Cab รุ่น Pro M/T ราคา 699,000 บาท
- Mitsubishi Triton Single Cab รุ่น Pro A/T ราคา 749,000 บาท
All-New Mitsubishi Triton Double Cab ยกสูง ขับเคลื่อนล้อหลัง
- Mitsubishi Triton Double Cab รุ่น Plus Pro M/T ราคา 820,000 บาท
- Mitsubishi Triton Double Cab รุ่น Plus Prime M/T ราคา 893,000 บาท
- Mitsubishi Triton Double Cab รุ่น Plus Prime M/T ราคา 938,000 บาท
- Mitsubishi Triton Double Cab รุ่น Plus Ultra M/T ราคา 982,000 บาท
- Mitsubishi Triton Double Cab รุ่น Plus Ultra M/T ราคา 1,027,000 บาท
All-New Mitsubishi Triton Double Cab ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- Mitsubishi Triton Double Cab รุ่น Prime 4WD M/T ราคา 1,016,000 บาท
ไฮไลท์ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ออล-นิว ไทรทัน มีตัวถังให้เลือกหลากหลายรูปแบบ รองรับความต้องการใช้งานของทั้ง 7 กลุ่มตลาดรถในไทย: ตัวถัง Double Cab มาพร้อมเบาะ 2 แถว มอบสะดวกสบายแบบรถ SUV และความอเนกประสงค์แบบรถกระบะ ขณะที่ตัวถัง Single Cab (ตอนเดียว) มีเบาะคู่หน้า และตัวถัง Mega Cab (ตอนครึ่ง) มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ช่วยให้ ปรับเอนเบาะคู่หน้าได้สะดวกขึ้น
โครงสร้างรถ เมกาเฟรม ใหม่! รวมถึงช่วงล่าง และชิ้นส่วนอื่นๆ สร้างสรรค์ขึ้นใหม่จากเทคโนโลยีล้ำสมัยเอกสิทธิ์เฉพาะมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยฟีเจอร์พิเศษต่างๆ อาทิ โหมดการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
(1) เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหม่! และเครื่องยนต์ใหม่! ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า
โครงสร้างรถยนต์แบบขั้นบันไดที่พัฒนาขึ้นใหม่ มีคานขวางที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เพิ่มความแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งการต้านทานแรงดัด (Bending Rigidity) และเสริมความแข็งแกร่งเชิงบิด (Torsional Rigidity) โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High-tensile Steel) ในอัตราส่วนที่สูงขึ้น
ไม่เพียงมอบสมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายมากกว่าเดิม ออล-นิว ไทรทัน ยังแข็งแรงสมบุกสมบันที่เหนือชั้น พร้อมรองรับการบรรทุกหนัก ทั้งยังช่วยรับและกระจายแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยปกป้องให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใหม่! มีพละกำลังที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน VG Turbo ที่ช่วยในการควบคุมแรงดันอากาศให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์
ส่วนเครื่องยนต์อีก 2 แบบ จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร Twin Turbo ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร
กับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร Turbo ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร จะตามมาภายหลัง ซึ่งยังไม่มีวางขายในช่วงแรกของการเปิดตัว
ออล-นิว ไทรทัน มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์) ที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ เพิ่มความสะดวกสบาย
(2) ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยช่วงล่างที่พัฒนาใหม่ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อันเป็นเอกลักษณ์
ออล-นิว ไทรทัน มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งระบบ Super Select 4WD-II สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ และระบบ Easy Select 4WD สำหรับรุ่น ซิงเกิ้ล แค็บ ที่ตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้ าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง
ระบบ Super Select 4WD-II ในออล-นิว ไทรทัน มีระบบการขับเคลื่อนให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา) 4HLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4LLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลางอัตราทดความเร็วต่ำ)
พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ)
สำหรับระบบ Easy Select 4WD สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง) 4H (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4L (สำหรับการขับขี่ด้วยอัตราทดความเร็วต่ำ) ตอบโจทย์การใช้งานเส้นทางหลากหลาย
ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ติดตั้งพร้อมกับระบบ Super Select 4WD-II เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อน และแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุล
นอกจากนี้ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control Sytem: TCL) ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA) ป้องกันรถถอยหลังขณะออกตัวบนทางลาดชัน
ช่วงล่างที่พัฒนาใหม่ ด้วยโครงสร้างปีกนกสองชั้นด้านหน้าซึ่งมีความทนทานแข็งแกร่งและยืดหยุ่น แท่นยึดคานบนของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) และขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง (2WD High Rider) ปรับตำแหน่งยึดเกาะให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มช่วงชักอีก 20 มิลลิเมตร เพิ่มการยึดเกาะถนนและความนุ่มนวล ช่วงล่างด้านหลังมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมความแข็งแกร่งโดยใช้แหนบแผ่นซ้อนที่พัฒนาให้มีน้ำหนักเบากว่าเดิม พร้อมโช้คอัพขนาดใหญ่ขึ้น
ถึงแม้ตัวถังของ ออล-นิว ไทรทัน จะมีขนาดใหญ่บึกบึนยิ่งขึ้น แต่ยังคงรัศมีวงเลี้ยวที่แคบและคม เพื่อให้ควบคุมได้อย่างคล่องตัว และเสริมทัศนวิสัยให้สะดวกและปลอดภัยขึ้นด้วยการออกแบบฝากระโปรงที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นสายขอบฝากระโปรง
(3) แนวคิดการออกแบบ “บีสท์ โหมด” [Beast Mode]
ออล-นิว ไทรทัน ผสมผสานความปราดเปรียวเข้ากับการออกแบบที่แข็งแกร่งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อสร้างสรรค์รูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตาพร้อมกับสะท้อนความบึกบึนและทรงพลังแบบฉบับรถกระบะที่แท้จริง
การออกแบบด้านหน้าตัวรถอันเป็นเอกลักษณ์ ไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) ทรงพลัง กระจังหน้าและซุ้มล้อแบบ 3 มิติที่ดุดัน พร้อมกันชนหน้าที่ออกแบบเพื่อเน้นย้ำรูปทรง
เสริมด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซน์ดุจสายตาเหยี่ยว ผสานกับไฟส่องสว่างหน้า แบบสามมิติ ขณะที่กระบะท้ายไออกแบบให้พื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T (T-shaped LED) ทั้งสองฝั่ง แสดงถึงความกว้างขวาง หนักแน่นแข็งแกร่ง
ส่วนรูปทรงห้องโดยสารและสปอยเลอร์ท้าย เพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ สะดวกสบายด้วยบันไดข้างกว้างขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น
การออกแบบภายในห้องโดยสารและแผงควบคุม ภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ด้วยเส้นตรงแนวราบและรูปทรงที่แข็งแกร่ง ออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตและใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมวัสดุบุนุ่ม และตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วน
นอกจากนี้ ออล-นิว ไทรทัน ยังใช้ชุดมาตรวัดและสวิตช์ควบคุมต่างๆ ที่ออกแบบให้มองเห็นได้อย่างโดดเด่น และควบคุมได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือหนา ทั้งพวงมาลัย ก้านจับ และมือจับเปิดประตู ออกแบบภายใต้แนวคิด “มิตซูบิชิ ทัช” (Mitsubishi Touch)
ใช้จอดิจิทัลแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Ultra และ Prime 4WD) ส่วนหน้าจอ Infotainment เป็นแบบลอยตัวขนาด 10 นิ้ว (ยกเว้นรุ่น Ultra มีขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง) รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทุกรุ่น และมีที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายในบางรุ่น
มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องกระจายลมเย็นบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (เฉพาะรุ่น Ultra ตัวถัง 4 ประตู Double Cab)
แผงคอนโซลกลางรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีช่องวางแก้วน้ำขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มม. ได้มากถึง 4 ขวด ทั้งกล่องเก็บของด้านหน้า ช่องวางสมาร์ทโฟน และช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ กว้างขวางใช้งานสะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือ
นอกจากนี้ แผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่อง USB-A และ USB-C สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ และยังมีแท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม
(4) ยกระดับสมรรถนะรถกระบะให้เหนือกว่า
ส่วนกระบะตอนท้าย ได้ออกแบบให้ระยะความสูงของกระบะจากพื้น ต่ำลงจากรุ่นก่อน 45 มม. อยู่ที่ 820 มม. พร้อมขยายพื้นที่ด้านบนของมุมกันชนหลังให้ใหญ่ขึ้น และเสริมความแข็งแรงด้วยเฟรมเพื่อวางเท้าและก้าวขึ้นกระบะได้สะดวกมากขึ้น
เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบให้ช่วยหนุนแผ่นหลังส่วนล่าง ขณะที่พื้นที่ช่วงไหล่มีรูปทรงเปิดกว้างเพื่อความสบายในการขยับตัว ช่วยลดความเหนื่อยเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ระยะเบาะที่ตรงกับตำแหน่งสะโพกขยับสูงขึ้น เพื่อปรับสรีระขณะขับขี่ให้อยู่ในท่าตรงโดยยังคงความคล่องตัวสะดวกสบายตามหลักสรีระศาสตร์ ทั้งเพิ่มทัศนวิสัยให้มองเห็นเส้นทางได้สะดวกจากภายในห้องโดยสาร
นอกจากนี้ การเข้า-ออกจากห้องโดยสารทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบเสาด้านหน้าใหม่ แนวตรงมากขึ้น ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น และเพิ่มพื้นที่บันไดข้างให้ใหญ่ขึ้น ลดโอกาสลื่นไถล ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม
ออล-นิว ไทรทัน ไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด อาทิ
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM)
- ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA)
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA)
ตลอดจนระบบอื่นๆ
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ออกแบบ All-New Mitsubishi Triton ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งมากมาย ไม่ว่าจะป้องกันพื้นผิวสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ จนถึงตกแต่งสไตล์รถส่วนตัว เช่น สปอร์ตบาร์ ชุดตกแต่งซุ้มล้อบังโคลน และคิ้วกันกระแทกประตู ตราสัญลักษณ์ที่กระจังหน้า และพื้นปูกระบะซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในรถกระบะ ก็มีให้เลือกเช่นกัน