8 สิ่งที่ต้องพิจารณา เมื่อคุณจะซื้อรถ Crossover
รถ Crossover (ครอสโอเวอร์) เป็นหนึ่งในประเภทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งในด้านความอเนกประสงค์ การใช้งานที่หลากหลายและการบรรทุกสัมภาระ
รถ Crossover ที่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม จะไม่เพียงมอบอรรถประโยชน์เหมือนรถยนต์นั่งทั่วไป แต่ยังตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากกว่า ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงกิจวัตรประจำวัน และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
ปัจจุบันมีรถครอสโอเวอร์หลายรุ่นที่ขายอยู่ในท้องตลาด แต่คำถามคือ รุ่นใดที่เหมาะสมกับผู้ซื้อมากที่สุด? บทความนี้ขอแนะนำ 8 ข้อ ที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อรถ Crossover
1. การออกแบบ
ดีไซน์เป็นคุณสมบัติที่ขึ้นอยู่กับรสนิยมเฉพาะของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม มีหลักเกณฑ์บางข้อที่ผู้ซื้อรถควรพิจารณา รถ Crossover ที่ดีต้องไม่เพียงแค่มีมิติตัวถังที่ใหญ่ แข็งแกร่งและบึกบึน อันเป็นจุดเด่นของรถอเนกประสงค์แบบ SUV ทั้งนี้ รถครอสโอเวอร์ที่ดีไม่ใช่เพียงการนำรถซีดานมายกสูง หากต้องเป็นรถที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดที่ผนวกความอเนกประสงค์ กว้างขวาง รองรับการใช้งาน สมรรถนะและความพิถีพิถันไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจนเกิดเป็น Segment ใหม่ของรถครอสโอเวอร์
แนวทางการออกแบบในปัจจุบันมุ่งเน้น "ดีไซน์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน" (Form Follows Function) ผสานความปลอดภัย สมรรถนะและสุนทรียภาพในการขับขี่ ตัวอย่างเช่น การติดตั้งไฟหรี่และไฟเลี้ยวไว้ตำแหน่งเดียวกับฝากระโปรงหน้า เพื่อให้คนเดินถนนและผู้ร่วมใช้เส้นทางสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันไฟหน้าก็อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าไฟหน้ารถยนต์ทั่วไป เพื่อไม่ให้แสงไฟไปรบกวนสายตาผู้ขับขี่และคนเดินถนน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นในยามค่ำคืน
เอกลักษณ์การออกแบบดังกล่าวนี้ไม่เพียงแต่สร้างความโดดเด่นล้ำสมัย แต่ยังมอบการปกป้องให้ทั้งผู้ที่อยู่ในตัวรถและผู้ร่วมใช้เส้นทางอีกด้วย
2. พื้นที่ใช้สอย
รถครอสโอเวอร์ที่ดีต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร ผู้ซื้อควรมองหารถครอสโอเวอร์ที่มีความแข็งแกร่งและออกแบบอย่างชาญฉลาด มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ทั้งมิติความกว้างและความสูงเพิ่มความโอ่โถงปลอดโปร่ง โดยการออกแบบภายในที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาและหัวไหล่ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 คน
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณา คือ พื้นที่เหนือศีรษะที่ต้องกว้างเพียงพอเพื่อสะดวกต่อการเข้าและออกจากเบาะที่นั่งแถวที่สาม
3. ความสะดวกสบายในห้องโดยสาร
ความสะดวกสบายในห้องโดยสาร เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่รถครอสโอเวอร์ที่ดีควรมี ถึงแม้รถ Crossover จะเป็นที่ชื่นชอบด้วยตำแหน่งเบาะที่นั่งของรถครอสโอเวอร์ ที่สูงกว่าและตัวถังมีระยะความสูงจากพื้นสูงกว่ารถยนต์ประเภทอื่นแล้ว แต่ความสะดวกสบายในห้องโดยสารที่พร้อมตอบสนองทุกการใช้งานรอบด้าน ก็เป็นอีกข้อสำคัญที่ควรพิจารณา ขณะที่ความเงียบภายในห้องโดยสารและการเก็บเสียงที่ดีก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
ห้องโดยสารควรรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ครบครันด้วยช่องเก็บสัมภาระต่างๆ ได้อย่างหลากหลายและช่องชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า ควรเลือกรถ Crossover ที่ติดตั้งจุดจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึงทุกแถวที่นั่ง
ขณะที่ความเงียบภายในห้องโดยสารและการเก็บเสียงที่ดีก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
4. ทัศนวิสัยที่ดี
ห้องโดยสาร รถ Crossover ที่ดีต้องมอบทัศนวิสัยที่ชัดเจนและมีมุมอับสายตาน้อยที่สุด นอกจากนี้ผู้ขับขี่ควรพิจารณาห้องโดยสารที่ได้รับออกแบบในลักษณะ "Horizontal Axis" ที่จัดเรียงแผงควบคุมในรูปแบบเส้นตรงแนวราบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์ขับเคลื่อนของตัวรถ พร้อมช่วยเพิ่มทัศนวิสัยด้านหน้า ช่วยลดการรบกวนผู้ขับขี่
ทั้งนี้เบาะที่นั่งของผู้ขับขี่ที่ปรับได้ในทุกองศา (การเลื่อนที่นั่งเข้าออก ระดับการปรับเอนพนักพิง และความสูง) และพวงมาลัยที่ปรับได้หลายทิศทาง (ดึงเข้าออกและสูงต่ำ) จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะทางไกล
ห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบให้กว้างขวางและโปร่งโล่งจะช่วยลดความเครียดและอาการเมื่อยล้าของผู้ขับขี่อีกด้วย
5. การใช้งานที่หลากหลาย
รถ Crossover ต้องสามารถตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมผ่านทุกอุปสรรคไปบนเส้นทางต่างๆ ได้แบบรถอเนกประสงค์ SUV รถครอสโอเวอร์กลุ่มใหม่นี้โดดเด่นด้วยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางจึงสามารถรองรับการบรรทุกเคลื่อนย้ายสิ่งของสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากสมรรถนะที่แข็งแกร่งและความหรูหรา
พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ครบครันด้วยช่องจัดเก็บสิ่งของสัมภาระต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย ตลอดจนการติดตั้งจุดจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างทั่วถึงทุกแถวที่นั่งภายในห้องโดยสารก็มีความสำคัญเช่นกัน นอกจากพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ (ที่สามารถบรรทุกถังน้ำได้ 4 แกลลอน) เพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ เบาะที่นั่งแถวที่สองควรพับได้แบบแยกส่วน 40:20:40 และแบบ 50:50 สำหรับแถวที่สาม ทั้งนี้เมื่อพับเบาะแถวที่สองและสามลงแล้ว พื้นที่ภายในควรราบไร้ช่องว่างหรือสะดุดเป็นขอบนูน
6. สมรรถนะการควบคุม
ถึงแม้ รถ Crossover จะไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อแข่งความเร็วสูง แต่การพิจารณาถึงสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมที่เป็นเลิศ ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ดีและปลอดภัย การควบคุมรถควรทำได้อย่างแม่นยำในทุกสภาพถนน ทั้งเส้นทางขรุขระ ถนนคดเคี้ยว ถนนหลวงทางไกล และการจราจรในเมือง รัศมีวงเลี้ยวที่แคบจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและการจราจรที่หนาแน่น ทั้งนี้ รถครอสโอเวอร์ที่มีฟีเจอร์ดีๆ อย่าง Cruise Control จะสามารถช่วยลดอาการเหนื่อยล้าในการขับรถระยะทางไกล
7. ความอเนกประสงค์
คุณสมบัติข้อนี้มีความสำคัญมาก รถ Crossover ที่ดีควรมีระยะความสูงจากพื้นถนนอย่างน้อย 200 มม. ขึ้นไป เพื่อให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ว่าจะขับฝ่าเส้นทางน้ำท่วมขังได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งความสูงจากพื้นถนนที่เหมาะสมจะช่วยให้รถครอสโอเวอร์โลดแล่นผ่านพื้นผิวถนนที่ขรุขระได้โดยไม่กิดความเสียหายต่อใต้ท้องรถ ลองสังเกตตำแหน่งของท่อไอดีซึ่งควรติดตั้งในระดับสูงกว่ารถทั่วไปเพื่อให้สามารถการขับผ่านน้ำท่วมขังได้อย่างมั่นใจ
สำหรับการออกแบบภายใน นอกจากจะสามารถปรับพับที่นั่งให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารเป็นพื้นราบได้แล้ว เบาะที่นั่งควรปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลาย
ทั้งนี้รถครอสโอเวอร์ที่ดีต้องตอบสนองการใช้งานได้ทั้งการเดินทางไกล การใช้งานในเมือง รวมถึงสามารถพาผู้ขับขี่ฝ่าอุปสรรค หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งได้
8. ความปลอดภัย
รถ Crossover ยุคใหม่เหมาะทั้งสำหรับการใช้งานแบบครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ความปลอดภัยมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยทั้งในเชิงป้องกันและปกป้อง ได้แก่
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC-Active Stability Control)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL-Traction Control System)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA-Hill Start Assist System)
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS-Anti Lock Braking System)
- ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD-Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรก (BA-Brake Assist)
- ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS-Emergency Stop Signal System)
- ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง
- กล้องมองภาพด้านหลัง
- จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX
อีกปัจจัยสำคัญสำหรับการปกป้องความปลอดภัยคือโครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อก ที่ประสานตัวถังและแชสซีส์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการปกป้องผู้โดยสารและยังสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ เพื่อช่วยรักษาสภาพห้องโดยสารและปกป้องทุกชีวิตเมื่อเกิดการปะทะ
เมื่อทราบคุณสมบัติของ รถ Crossover ที่ดีทั้ง 8 ข้อนี้แล้ว ผู้ซื้อสามารถนำไปประกอบการพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อ รถ Crossover ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของตนเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก Mitsubishi (มิตซูบิชิ) 4/10/2018