ต.สยาม ชูกลยุทธ์ 4E’S สร้างจุดแข็งผลิตภัณฑ์-บริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สายเที่ยวสายลุย เดินหน้าเปิดศูนย์บริการยางรถยนต์ GRIP 120 สาขาทั่วไทย!
บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยาง Toyo Tires, Nitto Tire, Nankang Tire และ ศูนย์บริการยางรถยนต์ "GRIP" เผยกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจประจำปี 2566 พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่เอาใจสายซิ่งและสายลุย รับปีทองแห่งยางออฟโรด
นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ว่า ทางบริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปหลังจากสถานการณ์โควิด โดยชูกลยุทธ์ 4E’S สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค พร้อมดึง KOL ชื่อดังร่วมต่อยอดการตลาด และตั้งเป้าหมายเปิดศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร GRIP ครบ 120 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2568
เพิ่ม Line-Up สินค้าใหม่ตอบรับไลฟ์สไตล์ ปีทองยางออฟโรด
จัดทัพสินค้าใหม่ตอนสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั้งสายซิ่งและสายลุยยุคหลังโควิด ที่มีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่มากยิ่งขึ้นทั้งในรูปแบบแคมป์ปิ้ง และออฟโรด ที่ความต้องการสูงมากในตลาดปัจจุบันทั้งในส่วนของรถกระบะและรถ SUV ในกลุ่มที่แต่งเพื่อความสวยงามและใช้งานจริง โดยมีผลิตภัณฑ์ใหม่มาพร้อมจำหน่ายในปี 2566 ด้วยกัน 4 รุ่นได้แก่
- TOYO OPEN COUNTRY AT3 ยาง All- Terrain ที่สมบูรณ์แบบทั้งรูปลักษณ์และสมรรถนะ (Real All-Terrain Tire) โดยการออกแบบบล็อกดอกยาง ที่แข็งแกร่งด้วยดอกยางและร่องยางแบบซิกแซ็ก (Zigzag Block & Zigzag Groove) หน้ายางที่กว้างแบบ Square Shoulder และโครงสร้างยางที่แข็งแรงทำให้การควบคุมการขับขี่ที่ลงตัว บนทางเรียบทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก และเต็มสมรรถนะ บนถนนขรุขระ(Off-Road) ร่วมถึงการออกแบบจัดเรียงดอกยางที่ลง ช่วยลดเสียงรบกวนจากยางขณะขับขี่ให้ทุกการเดินทางปลอดภัย พร้อมวางจำหน่าย 17 ขนาดโดยมีราคาเริ่มต้นที่ 5,700 บาท / เส้น
- NITTO MUD GRAPPLER EXTREME TERRAIN เป็นยางที่ให้ประสิทธิภาพแรงกรุยเหนือกว่ายางกลุ่ม Mud Terrain (M/T tire) ทั่วไปโดยการออกแบบดอกยางที่พิเศษสุด ด้วยร่องดอกยางแนวขวางที่กว้าง (Wide Lug Groove) และดอกยางที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวทั้งบริเวณหน้ายางและบริเวณไหล่ยาง
นอกจากนี้ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งทั้งบริเวณหน้ายาง (High Strength Steel belt tread package) และ 3 Ply Polyester บริเวณแก้มยาง ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ต่อการถูกตำทะลุได้ดี สำหรับการใช้งานบนถนนทางเรียบทั้งสภาพผิวถนนแห้ง และผิวถนนเปียกก็สามารถให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ดีเช่นเดียวกัน โดยพร้อมวางจำหน่ายเริ่มต้น 6 ขนาด
- NITTO TRAIL GRAPPLER M/T ยางสายลุยตัวจริง ด้วยดอกยางและร่องยางแบบรูปทรงเรขาคณิตรวมทั้งการออกแบบไหล่ยาง และแก้มยางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงให้สมรรถนะแรงกรุยที่ดีเยี่ยม บนสภาพเส้นทางดินโคลน Deep Center Sipe ที่ดอกยางบริเวณกลางหน้ายางและ Reinforced Shoulder Groove ที่ดอกยางบริเวณไหล่ยางจึงให้ประสิทธิภาพดีบนทางเรียบโดยเฉพาะบนถนนเปียก โดยวางจำหน่ายเริ่มต้น 1 ขนาด
- NANKANG MT-1 ยางออฟโรดตัวจริง ดุดันด้วยการออกแบบดอกบล็อก ที่แข็งแกร่ง ดุดัน และมีพื้นที่ร่องดอกยางถึง 50% ของบริเวณหน้ายาง ช่วยให้ประสิทธิภาพแรงกรุยดีเยี่ยม สำหรับถนนลูกรังและถนนดินโคลน พร้อมวางจำหน่าย 4 ขนาด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 5,300 บาท / เส้น
และสำหรับในส่วนตลาด Motorsport ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในหลายปีที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้นำ Toyo Proxes RR DOT Competition ยางสำหรับที่ใช้ในการแข่งขันเข้ามาประเดิมเปิดตลาดสำหรับสินค้าหมวดดังกล่าว เพื่อใช้ในการแข่งขันรายการต่างๆ ที่ทางบริษัทฯ สนับสนุนรวมถึงนักแข่งรถที่สนใจในประสิทธิภาพของยางรุ่นดังกล่าว ชูจุดเด่นด้วยประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมพร้อมด้วย Advance Technology ที่ช่วยให้โครงสร้างยางแข็งแกร่งตอบสนองการควบคุมฉับไว พร้อมวางจำหน่าย 2 ขนาด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 7,900 บาท / เส้น
ชูกลยุทธ์ 4E’S สร้างจุดแข็งให้แบรนด์มัดใจผู้บริโภค
ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทางบริษัทฯ ได้วางแผนสำหรับในปี 2566 นี้ ได้วางกลยุทธ์ 4E’S ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ปรับใช้ให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีความต้องการมากกว่าเดิมที่ผ่านมาทั้งในเรื่องของคุณภาพของสินค้าและบริการที่ต้องฉับไว ตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที รวมถึงความใส่ใจและจริงใจของแบรนด์ที่มีให้กับผู้บริโภคโดยผ่านกลยุทธ์ทั้ง 4E’S อัน ได้แก่
- E-Expectation เป็นการเน้นการสร้างสินค้าและบริการที่คุ้มค่า มีคุณภาพเกินความคาดหวังให้กับลูกค้า โดยผ่านสินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยบริการหลังการขายที่จริงใจสร้างความประทับใจให้กับ ลูกค้าที่ซื้อสินค้า หรือ บริการ
- E-Experience เปลี่ยนจากการแนะนำสินค้า เป็นการสร้างประสบการณ์กับตัวสินค้าที่ดีให้กับลูกค้าเพื่อให้เกิดผลลัพธ์แบบที่ผู้บริโภคจะต้อง “หลงรัก” ในสินค้าและบริการของแบรนด์โดยผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ ลูกค้าได้สัมผัสถึงคุณภาพของสินค้า และ ประสิทธิภาพที่ได้รับด้วยตนเอง หรือจากคนรอบข้างที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ทั้งกิจกรรม Car Show หรือการแข่งรถยนต์ทางเรียบ และทางตรงที่บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุน
- E-Evangelism การจูงใจลูกค้าให้เกิดการใช้หรือการบอกต่อโดยผ่าน KOL Marketing ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ผ่าน KOL ชื่อดังมากมายพร้อมด้วยการนำ Real Content ที่เกิดจากการบอกต่อของลูกค้าที่ประทับใจในผลิตภัณฑ์มาใช้สำหรับเป็นกระบอกเสียงถึงคุณภาพของสินค้าและบริการของทางบริษัท
- E-Everywhere สามารถติดต่อสอบถามหรือซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน Platform มากมายของทางบริษัท รวมถึงทั้งศูนย์บริการยางรถยนต์ GRIP ที่มีมากมายหลายสาขา โดยทั้ง Offline และ Online สามารถเข้าถึงทุกช่องทางได้ทุกที่ ทุกเวลา
สร้างการรับรู้แบรนด์ผ่าน TIKTOK พร้อมดึง KOL ดังร่วมต่อยอดการตลาด
จากกระแสตอบรับของ TIKTOK คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแพลทฟอร์ม ที่มีผู้ใช้งานและรับชมสูงอีก 1 ช่องทางผ่านการสื่อสารที่ง่าย และเข้าใจได้ง่ายจึงทำให้ทางบริษัทฯ ได้วางแผนใช้แพลตฟอร์ม TIKTOK เป็นอีก 1 ช่องทางในการสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีความชื่นชอบความสนุก คอนเทนต์ใหม่สด โดยจะมีในส่วนของ KOL ชื่อดังที่จะร่วมกับทางบริษัทฯ ผลิตคอนเทนต์ต่างๆ เพื่อเป็นตัวแทนสื่อสารระหว่างผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์แบรนด์ต่างๆ กับกลุ่มผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย พร้อมด้วยกองทัพ TIKTOK ARMY ที่จะบุกสร้างความสนุกผ่านแพลทฟอร์ม TIKTOK ตลอดทั้งปี 2566 นี้ ให้ยางทุกแบรนด์ที่บริษัทฯ จัดจำหน่ายเป็นที่จดจำ เมื่อผู้บริโภคต้องการสินค้ายางรถยนต์ที่มีคุณภาพ
เดินหน้าตั้งเป้าเปิดศูนย์บริการยางรถยนต์ GRIP 120 สาขา ทั่วไทย!
ปัจจุบันศูนย์บริการยางรถยนต์ GRIP ก็ได้ทำการเปิดศูนย์บริการกระจายออกไปในกรุงเทพฯ และตามพื้นที่หัวเมืองใหญ่ในทุก ๆ ภาคของประเทศไทย เพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าในเครือของบริษัทฯ ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ยางรถยนต์ Toyo tires , Nitto Tire และ Nankang Tire โดยขณะนี้ในภาคเหนือมี 7 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 สาขา และภาคตะวันตก 11 สาขา พร้อมด้วยภาคตะวันออก 17 สาขา และภาคใต้ 9 สาขา รวมถึงภาคกลางและกรุงเทพฯ 30 สาขา โดยรวมแล้ว ศูนย์บริการยางรถยนต์ GRIP ได้เปิดให้บริการแล้วกว่า 83 สาขาทั่วประเทศ คลอบคลุมกว่า 40 จังหวัดจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ และคิดเป็น 52% ของจังหวัดทั่วไทยทั้งหมด และตั้งเป้าหมายไว้จะเปิดครบ 120 สาขาในปี 2568 ที่ใกล้จะถึงนี้ !!
โดยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 นี้ จะได้เริ่มเห็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทางบริษัทฯ ได้วางแผนเอาไว้ทั้งหมดทยอยออกสู่สายตาของผู้บริโภค โดยสินค้าทุกแบรนด์ที่บริษัทฯ จัดจำหน่ายมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำการตลาดแต่ละกลุ่มอยู่แล้ว โดยคาดว่าในปีนี้ทั้งในส่วนของยอดขาย และกิจกรรมทางการตลาดที่บริษัทได้วางแผนไว้จะไปถึงเป้าหมายที่ทางบริษัทฯ ได้กำหนดไว้