MotoGP Thailand ปิดฉากอลังการ "โอลิเวียร่า" ฝ่าฝนพลิกคว้าชัย ในรายการ OR Thailand Grand Prix 2022
ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบรายการใหญ่ที่สุดของโลก MotoGP (โมโตจีพี) 2022 สนาม 17 รายการ OR Thailand Grand Prix 2022 (โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์) ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ประทับใจแฟนๆ ทั่วโลก ผู้ชมทะลักสู่สนามถึง 178,463 คน อัดแน่นทุกสแตนด์ ภายใต้การลุ้นแชมป์สุดเข้มข้น เกมรุ่นใหญ่ “มิเกล โอลิเวียร่า” นักบิดโปรตุกีสจาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี หักปากกาเซียนฝ่าฝนผงาดเป็นผู้ชนะคนใหม่ ส่วน “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ขึ้นนำก่อนพลาดล้มดับฝันแฟนชาวไทย ขณะ “เคเคซัง” เขมินท์ คูโบะ จาก ยามาฮ่า วีอาร์46 มาสเตอร์ แคมป์ ระเบิดฟอร์มคว้าท็อป 9 ในรุ่น โมโตทู
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2022 สนาม 17 รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2565 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ฝ่ายจัดการแข่งขันร่วมเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
ไฮไลต์การแข่งขันอยู่ในรุ่น โมโตทู ชิงแชมป์โลก ซึ่งมี 2 นักบิดชาวไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย และ “เคเคซัง” เขมินท์ คูโบะ จาก ยามาฮ่า วีอาร์46 มาสเตอร์ แคมป์ ลงบิดท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มทั่วทั้งสนามของแฟนๆ ชาวไทย
จุดเปลี่ยนของเรซนี้เกิดขึ้นจากฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักก่อนเริ่มแข่งขันไม่กี่นาที ส่งผลให้กรรมการประกาศเป็น “เว็ตเรซ” และลดระยะทางลงเหลือ 16 รอบสนาม โดย สมเกียรติ ที่ได้ออกสตาร์ทจากโพลขยับขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ขณะที่ เขมินท์ ก็ไต่จากกริดที่ 16 ขึ้นมาเกาะท็อปเท็นได้ตั้งแต่รอบแรกเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ในรอบที่ 2 ก็เกิดเหตุการณ์ดับฝันชาวไทย เมื่อ สมเกียรติ บิดเข้าโค้ง 4 ซึ่งมีปริมาณน้ำบนผิวแทร็กจากฝนที่เทลงมาอย่างหนัก ทำให้ล้มลงไปในโค้งดังกล่าว พลาดโอกาสคว้าชัยชนะในโฮมเรซอย่างน่าเสียดาย ส่วน เขมินท์ ไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 9 ก่อนที่กรรมการจะตัดสินใจตีธงแดง เพื่อยุติการแข่งขัน
แม้จะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องประกาศให้จบเรซไป เนื่องจากฝนถล่มเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ผลปรากฏว่า โทนี อาร์โบลิโน นักบิดอิตาเลียนจาก เอลฟ์ มาร์ค วีดีเอส เรซซิ่ง ทีม คว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 15 นาที 10.854 วินาที โดยมี ฟิลลิป ซาลัช นักบิดเช็กจาก เกรซินี เรซซิ่ง โมโตทู เป็นอันดับ 2 ตามหลัง 0.251 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ แอรอน คาเน็ต นักบิดสแปนิชจาก เฟล็กซ์บ็อกซ์ เอชพี40 ตามหลัง 3.112 วินาที ด้าน เขมินท์ คว้าอันดับ 9 ไปครองในโฮมเรซ นับเป็นผลงานดีที่สุดในฤดูกาลนี้
ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง โมโตจีพี ต้องล่าช้าออกไปกว่า 1 ชั่วโมงจากฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนัก แต่แฟนความเร็วชาวไทยก็ไม่ย่อท้อ โดยเรซนี้ต้องดวลในสภาพแทร็กเปียก ผลปรากฏว่า มิเกล โอลิเวียร่า นักบิดโปรตุกีสจาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี่ เรซซิ่ง ไล่แซงคู่แข่งจากกริดที่ 8 ขึ้นมาคว้าชัยชนะไปอย่างเหนือชั้น ด้วยเวลา 41 นาที 44.503 วินาที เหนือ แจ็ค มิลเลอร์ นักบิดออสเตรเลียนจาก ดูคาติ เลโนโว ทีม อันดับ 2 เพียง 0.730 วินาที ตามด้วย ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า รองจ่าฝูงชาวอิตาเลียนในอันดับ 3 ตามหลัง 1.968 วินาที
ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2 สมัย จบการแข่งขันในอันดับ 5 ตามหลัง 2.958 วินาที ด้านแชมป์โลกอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร เจอวิกฤติอย่างหนัก ร่วงลงไปจบเรซในอันดับ 17 ไม่มีแต้มจากสนามนี้ ส่งผลให้การลุ้นแชมป์โลกทวีความเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง โดยระยะห่างจาก บันยาญ่า เหลือเพียง 2 คะแนนเท่านั้น
ด้านเกมในรุ่น โมโตทรี ถือเป็นเรซเดียวที่ได้แข่งแบบแทร็กแห้ง ผลปรากฏว่า เดนนิส ฟอกเจีย นักบิดอิตาเลียนจาก เลพเพิร์ด เรซซิ่ง คว้าชัยชนะไปครองแบบม้วนเดียวจบด้วยเวลา 37 นาที 52.331 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง อายูมุ ซาซากิ นักบิดญี่ปุ่นจาก สเตอริลการ์ด้า ฮัสควาน่า แม็กซ์ เพียง 1.524 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ริคาร์โด รอสซี่ นักบิดอิตาเลียนจาก ซิค58 สควอดร้า คอร์เซ ตามหลัง 2.804 วินาที
สำหรับประเทศไทยได้รับการบรรจุในปฏิทินการแข่งขัน MotoGP 2023 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยถูกกำหนดเป็นสนามที่ 18 ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เช่นเคย