ติดต่อโฆษณา ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเชิญทดสอบรถ ติดต่อ Car4YouMag

Car4YouMag

Dell Technologies เปิดตัว Dell XPS 13 Plus เน้นเรียบง่าย (Simplicity) นิยามใหม่ Laptop ระดับพรีเมียม ในราคา 73,990 บาท


 

Dell Technologies (เดลล์ เทคโนโลยีส์) ประกาศแนะนำ Dell XPS 13 Plus ใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็น XPS 13 ที่มาพร้อมกับ 12th Gen Intel® Core™ 28วัตต์  โปรเซสเซอร์ ตัวเครื่องออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น 

ทำให้ XPS 13 Plus ไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและมีสไตล์เท่านั้น แต่ยังทรงประสิทธิภาพ ทำให้ XPS 13 Plus ที่มาพร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายจากแรงบันดาลใจที่ได้รับจากผู้ใช้ในกลุ่ม Gen-Z กลายมาเป็นนิยามใหม่ของความพรีเมียม

https://digitalmore.co/wp-content/uploads/2022/10/04-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-XPS-13-Plus-scaled.jpg

“XPS คือสายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดของเราตลอดกาล เป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงฟอร์มและฟังก์ชันของการทำงานที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้เพียงภูมิใจกับความสำเร็จนี้เพียงเท่านั้นเพราะเรายังคงเดินหน้าเพื่อคิดค้นพัฒนาและสรรสร้างสิ่งใหม่ต่อไป” อโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร ตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชียและธุรกิจคอนซูเมอร์ภูมิภาคเอเชียใต้ กล่าว “ทั้งนี้ XPS 13 Plus ใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ใช้ในกลุ่ม Gen-Z ที่ให้ความสนใจที่ประสบการณ์การสร้างสรรค์เป็นหลัก ดังนั้น เราจึงตัดคุณสมบัติที่ไม่จำเป็นออกไปและเสริมเติมสิ่งที่จำเป็นเพื่อมอบการทำงานที่ทันสมัยไร้รอยต่อกับผู้ใช้เป็นสำคัญ”

https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/10/03-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-XPS-13-Plus.jpg

XPS 13 Plus มาพร้อมกับ 12th Gen Intel® Core™ 28วัตต์ โปรเซสเซอร์ (สูงขึ้นจาก 15 วัตต์ ในรุ่นก่อนหน้า) พร้อมได้รับการสนับสนุนการทำงานจากพัดลมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ให้ระบบระบายลม (Airflow) ที่ดีขึ้น 55% โดยไม่เพิ่มเสียงรบกวนหรืออุณหภูมิ

XPS 13 Plus มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล่าสุด ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานในดีไซน์ที่มีน้ำหนักเบา เพื่อการผสมผสานที่น่าทึ่งระหว่างความเร็ว ประสิทธิภาพ และความคล่องตัวในระดับพรีเมียม อีกทั้ง Express Charge 2.0 ยังสามารถช่วยให้เครื่องชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 80% ในเวลาที่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเติมพลังได้อย่างรวดเร็ว

https://digitalmore.co/wp-content/uploads/2022/10/XPS-13-Plus-1-1536x1025.jpg.webp

ดีไซน์สวยสะอาดไร้สิ่งรบกวน

แถบฟังก์ชันสัมผัสแบบ Capacitive, ทัชแพดแบบกระจกที่ไร้รอยต่อ พร้อมระบบสัมผัสแบบ haptics และคีย์บอร์ดแบบ Zero-lattice ที่เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน (user interfaces) เพื่อการออกแบบภายในที่ลงตัว

XPS 13 Plus ได้รับการออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยในแบบมินิมัลลิสต์ โดยมาพร้อมคีย์บอร์ดที่เพรียวงาม แถบของปุ่มสั่งงาน (Function Row) ทัชแพด ตลอดจนที่พักมือ (Palm Rest) ที่ให้รูปลักษณ์ที่โดดเด่น สะอาดตา ให้ความนุ่มนวลเมื่อสัมผัส พร้อมเสริมด้วยขอบโค้งมนที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลทั่วทั้งตัวเครื่อง และไม่มีพื้นที่สิ้นเปลือง ด้วยระบบอินเทอร์เฟซแบบ Edge-to-Edge ที่เรียบง่ายในการออกแบบทั้งหมดเพื่อรูปลักษณ์ภายนอกที่สะอาดและกลมกลืน

https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/10/XPS-13-Plus-4.jpg

ได้รับการดีไซน์มาพร้อมคีย์แคป (หรือที่รู้จักในชื่อ Zero-Lattice) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวคีย์บอร์ดให้ความสะดวกสบาย นุ่มนวล และมีประสิทธิภาพในทุกการสัมผัสตัวแป้นพิมพ์ นอกจากนี้ แถบด้านบนสุดของตัวคีย์บอร์ดยังดูเรียบหรูหมดจดมากกว่าเดิม ทั้งหมดเพราะความสามารถด้านการสัมผัสใหม่ (Touch Experience) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างปุ่มพิเศษ (Media Keys) และปุ่มฟังก์ชัน (Function Keys)ได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกัน ตัว Trackpad แบบดั้งเดิมยังถูกแทนที่ด้วย Glass Touchpad ที่ให้การตอบสนองต่อการสัมผัสในแบบ Haptic อีกด้วย

XPS 13 Plus มาในสีเข้มเหนือกาลเวลา (กราไฟต์) พร้อมพื้นผิวที่ได้รับการปรับปรุงด้วยเจตนาให้ตัวแล็ปท็อปออกมาที่สะท้อนความเรียบหรูในระดับพรีเมียม

https://digitalmore.co/wp-content/uploads/2022/10/XPS-13-Plus-5.jpg.webp

เสริมแกร่งประสาทสัมผัสเพื่อการสร้างสรรค์ที่ดียิ่งขึ้น

ความละเอียดสูงสุด 4K+ หรือสีที่สดใสสมจริงบนจอแสดงผล OLED ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Eyesafe® ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตราย พร้อมดีไซน์ลำโพงสี่ตัวที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

เดลล์เข้าใจเป็นอย่างดีว่าประสาทสัมผัส (Senses) คือสิ่งที่ใช้ในการขับเคลื่อนกระบวนการของการสร้างสรรค์ ดังนั้น XPS 13 Plus ใหม่จึงเพิ่มประสิทธิภาพของทั้งภาพ และเสียงให้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จอแสดงผล InfinityEdge แบบ 4 ด้าน ที่บุกเบิกขึ้นใหม่ยังคงมอบประสบการณ์การรับชมในแบบ Borderless อย่างแท้จริง ในขณะที่จำนวนเลเยอร์จากหน้าจอดิสเพลย์ได้ถูกลดลงเพื่อปรับปรุงความชัดเจนและช่วยให้น้ำหนักลดลง ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงที่ดังกังวาลมากกว่าเดิมพร้อมแถบเสียงแบบไดนามิคที่กว้างขึ้นพร้อมลำโพงที่พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพ 4 ตัวเมื่อต้องการสร้างสรรค์ หรือใช้งานคอนเทนต์โดยลำโพงแบบยิงเสียงขึ้น (Up-Firing) สองตัวซ่อนอยู่ภายใต้คีย์บอร์ด ในขณะที่ลำโพงแบบยิงเสียงลง (Down-Firing) อีกสองตัวที่ฐานที่จะให้ผลลัพธ์ของเสียงที่น่าทึ่งทั้งสำหรับการฟังเพลง ดูภาพยนตร์ และการประชุม

https://digitalmore.co/wp-content/uploads/2022/10/XPS-13-Plus-3.jpg.webp

การผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่มาจากความใส่ใจ

XPS ตัวแรกที่ผลิตขึ้นโดยใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนจากพลังน้ำ ซึ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของอะลูมิเนียมได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งสามารถนำมารีไซเคิลได้ 100% ดังนั้นจึงสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) ในพีซีเครื่องใหม่ได้ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย 2030 ของเดลล์

การใส่ใจและให้ความสำคัญต่อแนวทางของความเรียบง่ายในแบบมินิมัลลิสต์ของเดลล์ขยายออกไปไกลกว่าการออกแบบเพื่อให้ครอบคลุมทั้งกระบวนการด้านการผลิตและการทำบรรจุภัณฑ์ โดยทั้งหมดส่งผลต่อการสรรค์สร้างกระบวนการผลิตที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นและพันธสัญญาอันยาวนานของเดลล์ในการที่จะทำงานอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการตัดทอนขั้นตอน และลดการเคลือบเงาและวัสดุต่างๆ และยกระดับขั้นตอนอื่นๆ ที่ยังคงอยู่ขึ้นมา ทำให้เดลล์สามารถลดปริมาณชิ้นส่วนที่ถูกทิ้งตลอดจนภาพรวมของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วยลงได้ นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดของ XPS 13 Plus ยังทำมาจากวัสดุที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืนหรือหมุนเวียนได้ 100% พร้อมเอกสารประกอบที่เป็นกระดาษซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการรีไซเคิลอีกด้วย

และท้ายสุด ด้วยระบบของ Dell Migrate ผู้ใช้สามารถย้ายข้อมูลและไฟล์ที่มีความสำคัญและยากต่อการแทนที่จากพีซีที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows ไปยัง XPS 13 Plus แล็ปท็อปใหม่นี้ได้โดยราบลื่น

ราคาและการวางจำหน่าย 

Dell XPS 13 Plus พร้อมวางจำหน่ายแล้วในราคา 73,990 บาท

ขับเคลื่อนโดย Blogger.