Mazda เผยความสำเร็จครึ่งแรกของปีเสือ โกยยอดทะลุ 20,000 คัน พร้อมยกระดับเอาใจใส่ดูแลลูกค้า
Mazda (มาสด้า) สุดปลื้มยอดขายเกินคาดการณ์ ผ่านมาครึ่งปีส่งมอบรถไปแล้วมากกว่า 20,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง New Mazda2, ครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3 และ New Mazda CX-30 ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามสร้างยอดขายให้มาสด้าอย่างเป็นกอบเป็นกำ พร้อมกับเริ่มมอบแพจเกจพิเศษสำหรับลูกค้า ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ นานสูงสุด 5 ปี เพื่อแบ่งเบาภาระของลูกค้าพร้อมทั้งเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงหลังของปีหลัง คาดว่าตลาดกำลังจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เตรียมงัดกลยุทธ์เด็ด ทั้งการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ด้านการตลาด ด้านการขาย โดยเฉพาะด้านการบริการที่กำลังเน้นมากเป็นพิเศษ เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และเพื่อสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมมุ่งสู่เป้าการขายปีนี้ที่ 45,000 คัน
มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา อุตสาหกรรมรถยนต์จะมีการแข่งขันสูง และการดำเนินธุรกิจจะต้องประสบกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น จากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์สำหรับการผลิต หรือค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ แต่ด้วยการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของมาสด้า จึงทำให้รถยนต์มาสด้ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีทุกรุ่น ส่งผลให้ยอดขายรวมระหว่าง เดือนมกราคม จนถึง เดือนมิถุนายน 2565 เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 6.4% ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณบวกที่ดีต่อตลาดรถยนต์ ภายหลังจากที่เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักไปในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากวิกฤตโรคโควิด-19
สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เปรียบเทียบกับปี 2564
สำหรับในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มาสด้ามียอดขายสะสมสูงถึง 20,117 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 12,111 คัน ได้แก่ รถ New Mazda2 จำนวน 11,242 คัน, New Mazda3 จำนวน 866 คัน และรถสปอร์ตเปิดประทุน New Mazda MX-5 จำนวน 3 คัน ในขณะที่รถครอสโอเวอร์เอสยูวี มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,496 คัน แบ่งเป็น New Mazda CX-30 จำนวน 3,869 คัน, New Mazda CX-3 จำนวน 2,792 คัน, New Mazda CX-5 จำนวน 421 คัน และ New Mazda CX-8 จำนวน 414 คัน ในขณะที่รถปิกอัพต้นแบบแห่งความสง่างาม All-New Mazda BT-50 สามารถสร้างยอดขายได้อีกจำนวน 510 คัน
“เช่นเดียวกับในเดือนมิถุนายน 2565 ที่ยอดขายมาสด้ามีการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เติบโตอยู่ที่ 6.5% ด้วยยอดขายรวมอยู่ที่ 3,199 คัน แบ่งออกเป็น New Mazda2 จำนวน 1,785 คัน, New Mazda CX-30 จำนวน 973 คัน, New Mazda3 จำนวน 175 คัน, New Mazda CX-3 จำนวน 122 คัน, New Mazda CX-5 จำนวน 51 คัน, New Mazda CX-8 จำนวน 12 คัน และรถปิกอัพ All-New Mazda BT-50 อีกจำนวน 81 คัน ตามลำดับ” มร.ทาดาชิ มิอุระ กล่าวเพิ่มเติม
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นับว่ายังคงมีปัจจัยรอบด้านที่ยังคงต้องจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจ การขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต อันเนื่องมาจาก Supply Shock รวมถึงต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่ทั้งนี้เราก็ได้เตรียมกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน เพื่อมุ่งตามแผนงานระยะกลางที่เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการยกระดับความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า ที่เรามุ่งหน้าที่จะส่งมอบความประทับใจให้กับลูกค้าของเราอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
โดยมาสด้าจะเริ่มต้นด้วยการเอาใจใส่กับเรื่องการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ด้วยการใส่แพจเกจให้กับลูกค้า คือ ฟรีค่าแรง ฟรีค่าอะไหล่ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะทำให้ลูกค้าจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการบริการหลังการขายอีกต่อไป รวมถึงการเดินหน้าขยายโชว์รูม ศูนย์บริการและโชว์รูม Mazda Certified Pre-Owned ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 10 โชว์รูมทั่วประเทศ จำหน่ายรถยนต์มาสด้ามือสองคุณภาพดี ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ เพื่อเป็นการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร และสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์มาสด้าในประเทศ