ติดต่อโฆษณา ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือเชิญทดสอบรถ ติดต่อ Car4YouMag

Car4YouMag

Bentley เปิดตัว The All New Flying Spur ครั้งแรกในประเทศไทย ในราคา 25,990,000 บาท


  • ที่สุดแห่งแกรนด์ทัวริ่งซีดานสุดหรูได้เปิดตัวครั้งแรกในกรุงเทพฯ
  • The All New Flying Spur เผยความคล่องตัวในแบบสปอร์ตซีดาน ผสมผสานการปรับแต่งรถลีมูซีนที่ทันสมัย
  • มีการออกแบบ การประกอบ และการวางระบบ รวมถึงงานฝีมือจากประเทศอังกฤษ


บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้แทนจัดจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในเมืองไทย จัดงานเปิดตัวที่สุดแห่งแกรนด์ทัวริ่งซีดาน 4 ประตู สุดหรูสัญชาติอังกฤษ คงความหรูหราพร้อมการตกแต่งสุดร่วมสมัย อย่าง The All New Flying Spur (ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์) ในงาน Private Preview of The New Flying Spur ในวันที่ 15-16 เมษายน 2563 ณ โชว์รูมเบนท์ลีย์ CTI Tower ถนนรัชดาภิเษก

คุณเดวิด แจ็คสัน กรรมการผู้จัดการ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า “ทางบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเปิดตัวแกรนด์ทัวริ่งสุดหรูรุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในไทย อย่าง The New Flying Spur (เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์) ที่แฟนๆ เบนท์ลีย์ชาวไทยตั้งตารอคอย

แบรนด์เบนท์ลีย์นั้น ขยายความเข้มแข็งและเติบโต ในส่วนของ Brand Positioning ในเมืองไทยเป็นอย่างมาก โดยมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของปีนี้โมเดลรุ่นล่าสุดนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยมียอดสั่งจองเข้ามาต่อเนื่องก่อนการเปิดตัวในประเทศไทย และคาดการณ์ว่า จะมีผู้ที่สนใจมายลโฉมในงานกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟอย่างแน่นอน



สำหรับฟลายอิ้ง สเปอร์ เจ้าของวิวัฒนาการขุมพลังใหม่ 6 ลิตร เครื่องยนต์ทวิน เทอร์โบชาร์จ W12 นี้พร้อมแล้วสำหรับทุกการสั่งจอง โดยเบนท์ลีย์ แบงค็อก สนนราคาเริ่มต้นที่ 25.99 ล้านบาท” คุณเดวิด กล่าวทิ้งท้าย

เป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีกับสัญลักษณ์แห่งที่สุดในโลกแห่งยนตกรรมอย่าง Flying B มาสคอตของเบนท์ลีย์ ซึ่งจะถูกนำมาเพิ่มความหรูหราและผสานความร่วมสมัยเป็นครั้งแรกให้กับ The All New Flying Spur แกรน ทัวเรอร์ 4 ประตู สุดหรูสัญชาติอังกฤษ



Flying B มาสคอตของ Bentley ซึ่งจะถูกนำมาเพิ่มความหรูหราและผสานความร่วมสมัยเป็นครั้งแรกให้กับ The All New Flying Spur แกรน ทัวเรอร์ 4 ประตู ด้วยดีไซน์สุดล้ำสมัยตอบรับทศวรรษหน้า Flying B ออกแบบมาให้ฝังอยู่ภายใต้โลโก้ปีกนกของ Bentley บริเวณฝาประโปรงหน้า และสามารถปรับขึ้นมาเหนือฝากระโปรงได้

ในส่วนอนาคตของต้นแบบยนตกรรมหรู Flying B ได้ถูกนำมาใช้กับ Concept Car อย่าง EXP 100 GT ซึ่งถือเป็นไอคอนสุดอัจฉริยะ ด้วยฟังก์ชันเรืองแสง โดยสามารถปรับแสงตั้งแต่งกระจังหน้ารถ ผ่านตัวมาสคอต Flying B ตลอดจนตัวถังถึงห้องโดยสาร

Flying B ได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อเกือบ 90 กว่าปีที่แล้ว กับโมเดลเครื่อง 8 ลิตร ปี 1930 ตัว Mascot ไม่ได้ถูกใช้ให้เป็นมาตรฐานในสมัยนั้น เพียงแต่เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเท่านั้น

Mascot แบบดั้งเดิมเป็นตัวอักษร B ประกบด้วยปีกนก และมีลักษณะแบนเรียบ ถือกำเนิดโดย W.O. Bentley ผู้ก่อตั้งบริษัท Bentley Motor ในปี 1919 ซึ่งเป็นเวลากว่า 100 ปี

เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี Mascot ได้ออกแบบใหม่ให้สามารถควบคุมและปรับแสงด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเชื่อมกับ Welcome Lighting และระบบกุญแจอัจฉริยะ เมื่อผู้ขับเข้าใกล้ตัวรถ

 

The All New Flying Spur รวมเอาความโฉบเฉี่ยวของสปอร์ตซีดาน และนิยามใหม่ของความหรูหราแบบร่วมสมัยเข้าด้วยกัน ซึ่งการออกแบบ การประกอบและวางระบบ รวมถึงงานฝีมือได้ถูกดำเนินการในประเทศอังกฤษ ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ในการผลิตรถแกรนทัวร์เรอร์อันดับต้นๆ ของโลก

The All New Flying Spur นั้นได้ถูกสรรค์สร้างมาให้นำเสนอดีไซน์ดั่งการแกะสลัก แต่คงไว้ซึ่งความทันสมัย และมีสัดส่วนโครงสร้างที่แข็งแรง ที่เป็นความโดดเด่น โครงสร้างของไฟหน้า LED ได้แรงบันดาลใจจากแก้วคริสตัล และล้อมไปด้วยแผ่นโลหะเคลือบโครเมียม พร้อมไฟท้ายแบบใหม่ถูกออกแบบมาเป็นรูป ตัวอักษร B อีกทั้งล้อใหม่ขนาด 22 นิ้ว



หัวใจหลักของเครื่องยนต์ The All New Flying Spur นั้นได้ใช้ระบบขับเคลื่อนใช้ขุมพลัง W12 สูบ ขนาด 6.0 ลิตร Twin Turbocharged ระบบเกียร์ดูโอคลัช 8 สปีด ให้พละกำลัง 635 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร

ทำความเร็วที่ 0-100 กม./ชม. ที่ 3.8 วินาที และ ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 333 กม./ชม.

ในส่วนของ ช่วงล้อนั้น The All New Flying Spur ได้เพิ่มความยาวขึ้น 130 มม. ส่งผลให้มีห้องโดยสารที่กว้างขึ้น เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสาร นอกจากนั้นยังมีความวิจิตรบรรจง จากการตกแต่งโดยแผ่นไม้วีเนียร์ ทั้งแบบสีเดียว และแบบทูโทนให้เลือก

โดยในส่วนออฟชั่นนั้น ยังรวมไปถึง การปักของเบาะหนัง Mulliner Driving Specification ในรูปแบบของเพชรอีกด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการปักลวดลายเพชร 3 ชั้นในส่วนประตูข้าง



ความโดดเด่นของเทคโนโลยี นั้น The All New Flying Spur ก็ไม่เป็นสองรองใคร ฝีมืออันประณีตบรรจงทีมวิศวกรรมชั้นครูก็ยังผสานความสบายและสนุกของผู้โดยสารด้วยการรังสรรค์ หน้าจอดิจิตอลคมชัดแบบทัชสกรีน (HD Digital) พร้อมกับหน้าปัดแบบ Rotating display ที่คอลโซลกลาง ขนาด 12.3 นิ้ว อันประดับไปด้วยไม้วีเนียร์ พร้อมไปด้วย รีโมตคอนโทรล ของหน้าจอทัชสกรีนที่ควบคุมคำสั่งได้จากผู้โดยสารด้านหลัง

ทั้งหมดนี้ทำให้ The All New Flying Spur เป็นยนตรกรรมชั้นเอกที่มีความทันสมัยของนวัตกรรม และให้ความรู้สึกหรูหราตลอดการเดินทาง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการความทันสมัย ภายในยังสามารถเลือกหลังคาแก้วแบบพาโนรามิครูฟ ซึ่งมีความยาวตลอดหลังคารถอีกด้วย



Flying Spur นิยามใหม่แห่งการดีไซน์

The All New Flying Spur ได้ถูกยกพื้นและสร้างขึ้นใหม่ โดยมีโครงสร้างที่ทำจากอะลูมิเนียม และออกแบบประติมากรรม ของเส้น Power Line ตามต้นแบบของรุ่น เดอะ คอนทิเนนเทิล จีที
โดยทีมวิศวกรรมของเบนท์ลีย์ได้นำเทคโนโลยีล่าสุดในการ อัดอะลูมิเนียม และหล่อพร้อมกับเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง จึงได้ออกมาเป็น ตัวรถที่มีความแข็งแรง หนึบแน่น เพิ่มความแข็งแรงและการทรงตัวที่ดีของรุ่นนี้

การรังสรรค์พิเศษสุดนี้ยังมีความโดดเด่นไปด้วยกันกับ ไฟหน้า LED ที่ยังคงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างการออกแบบแบบคริสตัลคัท พร้อมด้วยวัสดุโครเมี่ยม ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไฟหน้ามีความเงา ประกายแม้จะไม่ได้เปิดไฟ



ด้านหลังของไฟท้ายรถยังถูกออกแบบให้มีไฟท้ายที่มี ตัวอักษร กราฟิค B ล้อมไปด้วย ลวดลาย Diamond Knurling ที่พบในช่องแอร์ภายในรถ อีกทั้งนำเสนอยังออฟชั่นมาตรฐานของล้อขนาด 21 นิ้ว และตัวเลือกออฟชั่นพิเศษอย่าง ล้อ 22 นิ้วจาก Mulliner อีกด้วย

The All New Flying Spur ยังนำเสนอหลังคาแก้วพาโนรามิครูฟ โดยแผงด้านหน้าสามารถสไลด์ไปคลุมเหนือ แผงด้านหลังได้อีกด้วย ซึ่งในรุ่นนี้ยังเพิ่มในส่วนหนังแผงกัน Alcantara ที่เคลื่อนด้วยระบบอิเล็กทริคมาพร้อมกับสีวัสดุบุหลังคาที่มีให้เลือกแมช ถึง 15 สี อีกด้วย

โลโก้ ฟลายอิ้งบี ที่ใช้ตกแต่งหน้าคันรถนั้น ยังถูกออกแบบใหม่หมดจดในสไตล์ทันสมัยโดยออกแบบมาเฉพาะ ในโอกาสที่เบนท์ลีย์เฉลิมฉลองครบ 100 ปี โดยเน้นไปยังความหมายของวิวัฒนาการของ แบรนด์ในศตวรรษที่กำลังจะถึงนี้ โดยโลโก้ที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์นี้ สัมพันธ์กับ ไฟหน้ากระพริบ เมื่อเจ้าของรถเดินเข้าไปใกล้

The All New Flying Spur นำเสนอ สีมาตรฐานของเบนท์ลีย์ถึง 17 สี โดยถูคัดสรรให้เหมาะเจาะกับ บุคลิกและลายเส้นที่ถูกออกแบบมาของรถ



ห้องโดยสาร อันหรูหราด้วยฝีมือปราณีตบรรจง

การออกแบบภายในของ เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือชั้นครูของเบนท์ลีย์ โดยเป็นผู้นำของความหรูหรา และ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างไร้ซึ่งคู่เปรียบเทียบ ด้วยความโดดเด่นของสไตล์ ที่มาพร้อมกับเก้าอี้ที่ให้ความสบาย และแหวกแนวด้วยการปักที่นำเสนอสีด้ายกว่า 15 เฉดสี อีกทั้งคอนเซปต์ Bentley’s ‘Wing’ ที่สองข้างของปีกอันทรงพลังพาดผ่านคอนโซลหน้าและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถ



นอกจากนั้นยังมีไม้วีเนียร์ ที่ประดับบริเวณแผงหน้าปัดรถยนต์ และบริเวณประตูของรถ ส่งผลให้รถดูกว้างขึ้นอีกด้วย มาพร้อมกับ คอลโซลกลางที่มีหน้าจอขนาด 12.3-นิ้ว ในระบบสัมผัสทัชสกรีนแบบ HD ที่ดูสมดุลย์ไปกับช่องแอร์ทั้งด้านหน้าและหลัง ที่นำเสนอความไร้ที่ติของเทคโนโลยี กับที่ชาร์ต wireless และ ปลั๊กชาร์ต USB อีกสองจุดสำหรับอุปกรณ์สื่อสารอีกด้วย



อีกทั้ง ยังมีจอดิจิทัลอเนกประสงค์สุดล้ำของเบนท์ลีย์คือ Bentley Rotating Display ที่ประกอบด้วยทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ติดตั้งบนหน้าปัด 3 ด้านแบบหมุนได้ ผู้ขับจึงสามารถสลับผลัดเปลี่ยนระหว่างลายไม้วีเนียร์, ทัชสกรีนอเนกประสงค์ หรือมาตรวัดแบบอนาล็อก 3 ช่องสุดคลาสสิค ที่แสดงผลของ อุณหภูมิ เข็มทิศ และนาฬิกา ซึ่งความหรูหรา สง่างาม พร้อมรายละเอียดสุดประณีตซึ่งจะพบได้ใน เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์อีกด้วย

การปักของหนังเบาะรถลายใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bentley EXP 10 Speed 6 ถูกนำเสนอผ่านลาย Three-Dimensional Diamond นั้นยังสามารถพบได้บริเวณประตูเป็นครั้งแรก เท่านั้นยังไม่พอเบนท์ลีย์ยังนำเสนอลาย Diamond knurling ในส่วนช่องแอร์ และยังถูกประดับไว้ล้อมรอบนาฬิกาอีกด้วยรวมไปถึง ชุดของคำสั่งของชุดซอฟแวร์ใหม่ ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นสำหรับความโค้งของท่อต่างๆ



ลายไม้วีเนียร์ลายใหม่ Crown Cut Walnut ได้ถูกนำเสนอให้เป็นออฟชั่นหนึ่งของฟลายอิ้ง สเปอร์ โดยลายนี้มีความโดดเด่นในความทันสมัย และยังมีตัวเลือกเพิ่มกับ Dark Fiddleback และ Piano Black สำหรับท่านที่ชอบ ลายไม้ทูโทนยังสามารถสั่งได้ตามใจนึก โดยสามารถเลือกประเภทไม้ที่ประดับห้องโดยสารได้อย่างใจ

ทางเลือกแดชบอร์ดออกแบบให้ยาวและดูพลิ้วไหว คล้ายโลโก้รูปปีกนกของเบนท์ลีย์ ยังมีให้เลือก พร้อมสีที่สวยงดงามสง่า ที่เชื่อมต่อระหว่างด้านหน้าและด้านหลัง อีกทั้งยังมีออฟชั่นใหม่ล่าสุด Mood Lighting ที่สามารถเลือกสีไฟภายในสร้างบรรยากาศได้ถึง 7 สีด้วยกัน

เก้าอี้ใหม่ยังมีระบบฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ ระบบทำความร้อน, ระบบระบายอากาศ, ระบบเก้าอี้นวด ระบบปรับเบาะเอียงด้านบน ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกของ Mulliner Driving Specification ที่ละเมียดละไมไปด้วย การปักและถักทอของปรมาจารย์ชั้นครูจากเบนท์ลีย์

โดยเบาะหลังยังให้ความรู้สึกกว้าง และยังมีที่พักแขนในส่วนกลาง กับที่พักคอที่สามารถพับเก็บได้อีกด้วย



เจนเนอร์เรชั่นที่ 3 ของ The All New Flying Spur นั้น ถูกพัฒนาให้ใช้ระบบแอร์สปริงแบบสามห้อง ที่ประกอบไปด้วยลมกว่า 60% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ระบบนี้ส่งผลให้รถ สามารถเน้นการทำงานในระบบสปอร์ตได้ดีขึ้น เกาะพื้นถนนได้ดี ตามโหมดการทำงานที่ผู้ขับได้เลือก ในรุ่นใหม่นี้ยังเพิ่มในระบบฟีเจอร์ CDC (Continuous Damping Control) ที่ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์อีกด้วย

ระบบเซ็นเซอร์รอบคัน ที่สามารถวัดระยะระหว่างแกนกลางกับตัวรถ ในกรณีที่ระบบจับความแตกต่างในระดับความสูงปรกติ ระบบอากาศ ในสปริงจะถูกฟื้นฟูให้เหมาะกับระดับปรกติอย่างสมบูรณ์

ระบบ Bentley Dynamic Ride System ได้ถูกออกแบบและพัฒนาระบบการทรงตัว และ ความนุ่มสบายมากขึ้น มาพร้อมกับการควบคุมของกระแสไฟ 48 โวลต์ โดยจัดการความหนึบแน่น ของเหล็กกันโคลงเพิ่มการเกาะตัวของรถ ตามคำสั่งของการเข้าโค้ง และปรับให้เสถียรเช่นเดิม



ในรุ่นนี้ยังนำเสนอความพิเศษที่ได้นำจุดเด่นของ จากเบรคทำจากวัสดุเหล็ก ที่ใหญ่ที่สุดของรุ่น Continental GT ที่มีขนาด 420 มม. โดยจานเบรคคาลิปเปอร์ ยังมีชื่อของเบนท์ลีย์ อยู่บนตัวจาน ทั้งในแบบมาตรฐานสีดำเงา และ ออฟชั่นในสีแดงเงาอีกด้วย

นอกจากนั้น The All New Flying Spur ยังให้เสียงท่อที่เร้าใจไม่แพ้ดีไซน์ของมัน ซึ่งได้ผลพวงมาจาก ท่อไอเสียแบบ adaptive ที่ควบคุมระบบลิ้นลูกสูบ และการเคลื่อนตัวของทางเดินลมและแก๊ส ในช่วงการควบคุมด้านหลังของตัวรถที่ถูกจูนมาแล้ว ให้มีการแสดงผลของท่อไอเสีย ให้คนขับได้ทราบถึงสภาวะต่างๆของรถอีกด้วย



เทคโนโลยีอันชาญฉลาดของ The All New Flying Spur

The All New Flying Spur มีวิวัฒนาการของเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเบนท์ลีย์ แผงหน้าปัทม์ดิจิตอลเต็มรูปแบบ และ Bentley Rotating Display หน้าจอแสดงผลสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่

ความคมชัดจากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ในระบบ HD ที่มีเซนเซอร์โดยหน้าจออัจฉริยะ สามารถนำเสนอทั้งหน้าจอเดียวและ หน้าจอในอัตราสวน 2:1 หรือ สามารถโชว์ผลได้ถึง 3 ฟังก์ชั่น ใน Home screen ประกอบด้วย ระบบการช่วยเหลือผู้ขับที่ครบครัน ทั้ง Traffic Assist, City Assist และ Blind Spot Warning

พร้อมกับระบบช่วยเหลือการมองยามค่ำคืนที่เพิ่ม Head Up Display ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถโฟกัสถนนข้างหน้า Top View Camera กล้องติดรถคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นขณะขับขี่โดยรอบหรือจอดรถ และระบบถอยจอดรถอัตโนมัติอีกด้วย

นอกเหนือจากนั้นยังมีเทคโนโลยี LED Matrix แต่ในส่วนของดีไซน์รูปทรงโคมไฟหน้ากลับรักษาความคลาสสิกและลำแสงไฟ พื้นผิวภายในโคมไฟโปร่งใส สวยงาม ให้ความสว่างสดใส และการตัดแสงโดยหลีกเลี่ยงแสงแยงตาจากรถฝั่งตรงข้าม



ด้านหลังของผู้โดยสาร เบนท์ลีย์ได้เพิ่มหน้าจอที่มาพร้อมกับรีโมตคอนโทรล ที่ทำจากวัสดุชั้นดี ที่ใช้สะดวก วางไว้แนบกับคอนโซล โดยสามารถกดปุ่มเพื่อดึงออกมาหากต้องการใช้เป็นรีโมต นอกจากนี้รีโมตคอนโครลอัจฉะริยะยัง สามารถควบคุมระบบอื่นๆของ รถได้อีก ด้วยอาทิ ฉากกั้น เก้าอี้นวดด้านหลัง ระบบควบคุมอุณหภูมิของผู้โดยสาร และ ควบคุมไฟ Mood Lighting ในรถอีกด้วย

The All New Flying Spur นำเสนอ ระบบเสียงทั้งสิ้น 3 แบบ ไม่ว่าจะมาตรฐาน ที่ให้ลำโพง 10 ตัว ระบบไฟ 650 วัตต์ หรือเครื่องเสียงชั้นนำ Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ที่มาพร้อมกับลำโพง16 ตัว กับแผงประดับ ที่ให้ความสวยงาม

นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบ BeoSonic system ทางเลือกใหม่ที่ปรับระดับเสียงเพียงสัมผัส และแน่นอนกับระบบเครื่องเสียง Naim 2,2000 โวลต์ กับลำโพงถึง 19 ตัว พร้อมเครื่องแปลงความถี่ของเสียง โดยติดตั้งไว้หน้าที่นั่งทั้ง 2 ข้าง ให้ความคมชัดของเสียงและสามารถปรับเสียงได้ถึง 8 โหมดด้วยกัน
ขับเคลื่อนโดย Blogger.